ผมพูดได้เลยว่า "Andromeda เขาพระตำหนัก" เป็นหนึ่งในโครงการติดริมหาดที่มีวิวทะเลสวยเป็นอันดับต้นๆ!!

        เรื่องจริงไม่ได้โม้ เพราะหลังจากที่ได้ไปสัมผัสมาผมรู้สึกประทับใจมากทีเดียว ปกติพอพูดถึงทะเลพัทยา ผมมักจะนึกถึงภาพหาดโล้นๆ มีเรือเยอะๆ บดบังทัศนียภาพไปเสียมาก และหาดไม่ได้สวยเท่าทะเลฝั่งอันดามัน

        แต่พอได้ไปดูวิวทะเลที่ "Andromeda เขาพระตำหนัก" ผมถึงได้เข้าใจว่าทำไมทำเลนี้มันถึงแรร์นัก

        และชื่อโครงการก็เหมาะมากๆ กับวิวที่ได้ "Andromeda" เทพธิดาบนหน้าผา ของแท้แน่นอน

        ก่อนไปตรงนั้นเราต้องมาจับเข่าคุยกันถึงความยิ่งใหญ่ของ "พัทยา" กันก่อนครับ

        "พัทยา" เป็นอีกหนึ่งเมืองที่เรียกได้ว่ามีการเติบโตทางเศรษฐกิจพุ่งสูงปรี๊ดเป็นอันดับต้นๆ ของบ้านเรา ตอนนี้โคขวิดมาเราเลยอาจจะเห็นว่ามันแผ่วไปสักนิด แต่ถ้าเรากลับไปดูก่อนหน้าเราจะพบว่าพัทยาทำรายได้ได้ดีในฐานะเมืองท่องเที่ยวแบบสมศักดิ์ศรีเลยล่ะ

        แถมตอนนี้ยังได้รับอานิสงค์จากพื้นที่ในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) อีก เราเลยค่อนข้างแน่ใจแล้วว่า ทั้งด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ หรือการคมนาคมต่อจากนี้ของพัทยา จะต้องค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นทะลุกราฟอย่างแน่นอน

        เพราะการมาถึงของ EEC มันจะทำให้บรรดานักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนักลงทุนท้องถิ่นและนักลงทุนต่างถิ่น พากันขนเม็ดเงินจำนวนมหาศาล เพื่อมาสร้างแลนด์มาร์คที่นี่กันอย่างอึกทึกครึกโครม

        อย่างที่เห็นนี่ช่วงปีสองปีมานี้ทั้งโรงแรมทั้งคอนโดมิเนียมพากันผุดมาพรึ่บเลยครับ

        อย่างเจ้าที่เคยเล่นแค่ในกรุงเทพฯ ก็ขยับมาเล่นในโซนพัทยาแล้ว เพราะรู้ไงว่าลงทุนไว้ได้ผลกำไรงามชัวร์ๆ

        และถ้าพูดถึงดีเวลลอปเปอร์ในพัทยาแล้วล่ะก็มีอยู่หลายเจ้าทีเดียวครับที่ครองตลาดอยู่ อย่าง "Andromeda เขาพระตำหนัก" เองก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน แต่บอกเลยว่าที่ดินที่เค้าได้มานี่ชวนว้าวสุดๆ

        โครงการนี้ตั้งอยู่บนเขาพระตำหนัก อยู่ระหว่างหาดพัทยาและหาดจอมเทียน ถือได้ว่าเป็น Prime location เลยเพราะอาจเรียกได้ว่านี่เป็นที่ดินผืนสุดท้ายบนพื้นที่ริมหาดแห่งนี้แล้ว

        ที่พูดงี้เพราะด้านหน้าโครงการเห็นว่าไม่สามารถขึ้นตึกสูงขึ้นได้แล้วนะ เพราะที่ดินที่เหลือจะหั่นเป็นแปลงเล็กๆ หมดครับ ตัวดีเวลลอปเปอร์เค้าก็พัฒนาโครงการในโซนพัทยามานานเลยมีที่ดินเก็บไว้เยอะพอสมควร

        อีกอย่างคือโครงการตั้งอยู่บนหน้าผา สามารถเทควิวได้ ขายหนักๆ ตรงคำว่า "แรร์ไอเท็ม" นี่แหละ

        ถ้าอยากได้วิวผา วิวทะเล แบบครบครัน รู้กันว่าต้องไปภูเก็ต แต่ที่นี่ที่เขาพระตำหนักก็มีให้ครบหมดครับ จะว่าไปในเรื่องของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพัทยานี่ก็ต้องที่เขาพระตำหนักเลยนี่แหละ ถัดไปก็จอมเทียน เป็นสองโลเคชั่นที่น่าสนใจที่สุดในพัทยาแล้ว

        ส่วนชื่อ "Andromeda" นี้ก็มีที่มาจากชื่อของนางในตำนานเทพปกรณัมกรีก ผู้ถูกตรึงโซ่ไว้กับหินเพื่อเป็นเครื่องสังเวยแก่สัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเล ต่อมาได้รับการช่วยเหลือโดยวีรบุรุษเพอร์ซิอัส เป็นนางบนหน้าผาแท้ๆ เชียว

        โครงการนี้สร้างเสร็จไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมาและเริ่มมีลูกบ้านเข้าอยู่แล้วล่ะ ยอดขายทำไปได้ 80% หรือก็คือตอนนี้ขายไปเกือบหมดแล้วจ้า

        เดี๋ยวนี้มาเขาพระตำหนักคือขึ้นโทรล์เวย์มาแล้วเข้าบายพาสก็ได้แล้ว ขับรถง่ายมาก ตัวโครงการปักหมุดอยู่ในซอยเกษตรสิน 11 ถือว่าเป็นซอยที่เงียบสงบดีครับ แต่ถ้าคิดในแง่ของช่วงเวลากลางคืนรู้สึกว่าอาจจะเปลี่ยวไปนิด แต่ความฮิปคือโซนนี้มีร้านอาหารและคาเฟ่ชื่อดังตั้งอยู่เพียบ ปลอบขวัญท้องน้อยๆ อันหิวโหยของเราได้ดี

        อย่างที่ผมแวะไปมาคือร้าน "3 Mermaids Cafe & Restaurant" ที่ห่างจากโครงการมาเพียงไม่กี่ก้าว วันหยุดไม่รู้จะไปกินมื้อเที่ยงหรือมื้อค่ำที่ไหน เดินไม่กี่ก้าวมาที่นี่ก็ได้แล้ว

        ส่วนรายละเอียดโครงการนั้นเค้าพัฒนาเป็นอาคารสูง 36 ชั้น 1 อาคาร มีจำนวนห้องพักอยู่อาศัยทั้งสิ้น 216 ยูนิต ขนาดพื้นที่ 28-75 ตร.ม.

        ลูกค้าที่ซื้อนั้นมีทั้งชาวต่างชาติและลูกค้าคนไทยในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน (ห้องไซส์ใหญ่สุดขายหมดแล้วด้วย) โดยโครงการมีห้องพักอาศัยทั้งหมด 6 แบบให้เลือกในราคาขายเริ่มต้น 1.5 แสนบาท/ตร.ม. หรือราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท/ยูนิต

• studio type A ขนาดพื้นที่ใช้สอย 28,29 ตร.ม.จำนวน 64 ยูนิต
• one bedroom type B ขนาดพื้นที่ใช้สอย 33,34 ตร.ม.จำนวน 66 ยูนิต
• one bedroom type C ขนาดพื้นที่ใช้สอย 54 ตร.ม.จำนวน 22 ยูนิต
• two bedroom type D ขนาดพื้นที่ใช้สอย 60 ตร.ม.จำนวน 32 ยูนิต
• two bedroom type E ขนาดพื้นที่ใช้สอย 72 ตร.ม.จำนวน 22 ยูนิต
• two bedroom type F ขนาดพื้นที่ใช้สอย 75 ตร.ม.จำนวน 10 ยูนิต

        จำนวนหน่วยที่เหลือขายราวๆ 20% สุดท้ายส่วนใหญ่จะเป็นห้องที่มีขนาด 32, 52 ตารางเมตรและเป็นห้องที่เห็นวิวทะเลแบบ 270 องศาครับ เรื่องวิวนี่กินขาดจริงๆ พอนึกว่าตื่นเช้ามาแล้วจะเจอวิวแบบนี้ก็ยิ้มเพ้อแล้วผมอ่ะ 5555

        โครงการส่วนใหญ่เค้าเป็น “Single Corridor” ก็คือสามารถเทควิวได้ทั้งหมดเลย ยูนิตน้อย 1 ฟลอร์มี 7-5 ยูนิต ทุกห้องเห็นทะเล ตั้งแต่ชั้น 26-35 แต่ละชั้นจะมีแค่ 4 ยูนิตเท่านั้นครับ

        ส่วนกลางเด่นๆ คือ "โอเชี่ยนวิวออนเซ็น" เห็นว่าเป็นจุดเดียวในพัทยาที่มีด้วย แถมแลนด์สเคปโครงการก็สวยมาก มีดีเทลใส่ไว้ในทุกจุด ส่วนกลางเค้าใช้วิธีการ booking เอานะครับ จองก่อนใช้ก่อนเนอะ

        ที่ชอบคือมีความไพรเวทจริงๆ เพราะจำนวนยูนิตต่อชั้นน้อย ออกจากลิฟต์มาจะไม่เจอใครเลย สามารถเข้าห้องตัวเองได้ทันที

        การตกแต่งห้องใช้ดีไซเนอร์ชื่อดังมาทำให้ทั้งส่วนกลางและในห้องเลยครับ เท่าที่ดูมาสเป็คที่ให้กับวัสดุที่ใช้ก็ของแพงทั้งนั้น แถมได้ห้องแบบ Fully Fitted ของแถมในห้องเยอะด้วยนะ ทั้งบิลด์อินครัว โต๊ะทานข้าว โซฟา โต๊ะกลาง บิวด์อินวางทีวี ฟูกที่นอน หัวเตียง เรียกได้ว่าเอาไปเลยแทบหมดห้อง ยกเว้นพวกพร็อพของตกแต่งกับเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้นที่ไม่ได้

        เลย์เอ้าท์ของตัวห้องในโครงการจะเป็นแบบหน้ากว้างหันหน้าออกทะเลครับ มีความเป็นบ้าน เหมาะจะอยู่กันแบบครอบครัว ค่อนข้างชอบโซน Living นะ เพราะออกแบบมาได้กว้างขวางดี

        พื้นที่สำหรับใช้วางโต๊ะกินข้าวก็มีขนาดลดหลั่นกันไปตามขนาดของห้อง รวมๆ คือเค้าเน้นให้โซนกลางมันกว้าง ดูไม่อึดอัด เน้นให้ครอบครัวได้ใช้เวลาพักผ่อนร่วมกันตามฟีลของคอนโดตากอากาศนั่นเอง

        ห้องนอนหลักจะเน้นให้ได้รับวิวสวยๆ แล้วใช้หน้าต่างบานกว้างแบบให้เราสามารถเทควิวได้เต็มที่ ขนาดห้องก็ถือว่าพอเหมาะทีเดียว มีพื้นที่สำหรับทางเดินอยู่พอสมควร วางโต๊ะทำงานของเราได้อีกตามความต้องการ

        พูดไปแล้วซิกเนเจอร์ห้องของเค้าน่าจะอยู่ที่การออกแบบให้ห้องมีช่องรับแสงบานใหญ่นะ เพื่อที่ว่าจะได้รับแสงจากธรรมขาติและชมวิวได้เต็มที่ นอกจากนี้ยังทำให้พื้นที่ภายในโปร่งโล่งอีกต่างหาก

        เวลากลางวันไม่จำเป็นต้องเปิดไฟเลยครับ เพราะได้แสงตามความต้องการ แถมพื้นที่อาคารลมโฟลวดีมาก ออกไปยืนตรงระเบียงให้ลมตีหน้าแล้วก็คือนึกอยากนอนขึ้นมาเลยเชียว 555

        ได้ยินว่าโครงการนี้มีคนวอล์คอินมาดูตลอดนะ วันที่ผมไปดูก็มีคนมาดูทั้งไทยและต่างชาติเลย ที่มันฮอทแบบนี้น่าจะเป็นเพราะบ้านพักตากอากาศบนเขานั้นครอบครองไม่ง่าย แต่เราครอบครองได้ที่นี่ สิ่งนี้น่าจะเป็นจุดที่แตกต่างจากที่อื่นเลยแหละ 

        พูดถึงราคาอย่างที่บอกไปว่าเริ่มต้น 1.5 แสนบาท/ตร.ม. หรือราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท/ยูนิต แต่อันนี้แค่เริ่มต้นนะ เพราะราคาห้องมันไต่ไปเรื่อยๆ ห้องใหญ่ขึ้นราคาก็เริ่มสูงขึ้นครับ แต่ในแง่ของวิวนี้ แมททีเรียลนี้ ผมคิดว่าดีมากเลย ถ้าเทียบกันกับในกรุงเทพฯ แล้วล่ะก็จะได้วิวแบบซิตี้แน่นๆ หน่อย

        ใครที่ซื้อไว้เพื่อเก็บไว้เป็นที่พักอาศัยสำหรับ "ตากอากาศ" ก็ดีครับ ผมเห็นด้วยทีเดียว แต่คิดว่าที่มากกว่าคือโครงการเหมาะที่จะเก็บไว้ "ลงทุน" ในระยะยาวมากที่สุด

        ศักยภาพทำเลมันทรงพลังมากอยู่แล้ว ซื้อไว้เพื่อรอการเติบโตจากผลของ EEC และนโยบายของรัฐที่ทุ่มโปรเจ็คใหญ่ๆ ลงมาอีกเพียบก็นับว่าตอบโจทย์

        แถม capital gain นี่อย่างน้อย 8% ก็คือได้แน่ๆ และราคาก็เพิ่มขึ้นทุกปีด้วยนะ ไม่แปลกใจที่ต่อให้เจอโคขวิดมาขวิดใส่แต่ก็ยังขายได้ดีแบบนี้