ตอนที่ผมไปเยี่ยมชมโครงการใหม่จาก "สถาพร เอสเตท" อย่าง "โครงการ THE ETERNITY GROVE สายไหม-พหลฯ" ในหัวผมคิดวนไปเวียนมาอยู่ 3 อย่างครับ
หนึ่งคือ ทำเลค่อนข้างน่าสนใจและได้เปรียบในหลายๆ เรื่อง
สองคือ Main Gate แปลกใหม่สุดๆ เท่าที่จำได้เหมือนไม่เคยเห็นใครทำ Main Gate แบบนี้มาก่อน
และสามคือ ทั่วทั้งโครงการและบ้านตัวอย่าง แอบมีมุมแชะภาพแบบอาร์ตๆ ซ่อนอยู่เยอะทีเดียว
โครงการนี้ถ่ายภาพสนุกมากครับ อาจจะเพราะการเลือกใช้โทนสีแล้วก็การจัดแสงด้วยมั้ง แวบแรกที่เดินเข้าไปจะมีความรู้สึกเลยว่า "คนรุ่นใหม่น่าจะชอบ"
ก่อนพูดไปถึงตัวโครงการ ผมขอพูดถึงทำเลคร่าวๆ หน่อยแล้วกัน เพราะรู้สึกว่าเหมือนไม่ค่อยมีโครงการมาเปิดแถวสายไหมมากนักในช่วงนี้
ทำเลสายไหมถือว่าเป็นทำเลที่ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียวครับ เพราะสามารถเชื่อมต่อไปถนนหลักอย่าง "พหลโยธิน-วิภาวดี" ได้สะดวก รถไม่ค่อยติด และตอนนี้มีรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ามาเสริมทัพแล้ว ทำให้การเข้าเมืองเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นกว่าเดิม
ตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า 2 สถานี คือสถานีแยก คปอ และสถานีคูคต ประมาณ 3 กิโลเมตร ถ้าใช้รถไฟฟ้านั่งวินต่อมาที่โครงการก็จ่ายราวๆ 30-40 บาท ประมาณนั้นครับ
นอกจากนี้ยังใกล้สนามบินดอนเมือง อาคารจอดและจร กับพวก commercial zone ก็เริ่มมีมากขึ้นแล้วด้วย ตามการเติบโตของทำเลนั่นแหละนะ community mall เองก็เริ่มมาตั้งกันมากขึ้นในโซนนี้แล้ว
รอบโครงการส่วนใหญ่แล้วเป็นชุมชนแนวราบครับ แต่ที่มากพอกันคือตลาดและร้านค้าต่างๆ
ก่อนถึงโครงการนี่จะเห็นได้เลยว่ามีร้านอาหารเต็มสองข้างทาง เป็นพวกร้านตึกแถวที่เปิดกันตั้งแต่เช้า เซเว่น ตลาด ร้านตัดผม ร้านทอง ฯลฯ มีครบหมด
พื้นที่สายไหมเองถือได้ว่าเป็นพื้นที่ที่อยู่ใน top 3 ในการเสิร์ชหาบ้านของคนกรุงเทพฯ ด้วย
สายไหมกับบางนานี่ก็เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ที่กำลังแข่งกันอยู่ก็ว่าได้แหละ แต่อย่างสายไหมเองตอนนี้มีรถไฟฟ้าแล้ว บีทีเอสสายสีเขียวเอาเข้าจริงมันเวิร์คนะ เพราะเดินทางต่อเดียวเข้าเมืองได้เลย
พวกดีเวลลอปเปอร์ทั้งหลายถ้ามาเปิดโครงการแถวสายสีเขียวนี่ค่อนข้างเวิร์คหมดแหละครับ ช่วงปีสองปีมานี้ก็จะเห็นได้ว่าเริ่มไต่มาตามแนวรถไฟฟ้ากันมากแล้ว
ส่วนในเรื่องของกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในโซนนี้นั้น แน่นอนว่าเป็นคนของกองทัพ
เพราะว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่ดั้งเดิมของทางกองทัพอากาศ ดังนั้นเลยจะมีคนกองทัพกระจายตัวอยู่กันเยอะมาก คนทำงานดอนเมือง หรือคนทำงานกองทัพอากาศที่เกษียณแล้วก็มักเลือกที่จะอาศัยอยู่ที่นี่กันทั้งนั้น
แต่น่าสนใจตรงที่ตอนนี้ก็เริ่มมีคนของทางฝั่ง CBD มาอาศัยในโซนสายไหมมากขึ้นแล้วนะ หลังโทรลเวย์มา พวก public transportation มันเริ่มดีขึ้น บรรดาคนเมืองทั้งหลายจึงเริ่มมาหาที่อยู่ทางกรุงเทพฯ ตอนเหนือเพิ่มขึ้นมาก
"THE ETERNITY GROVE สายไหม-พหลฯ" เป็นโครงการบ้านดีไซน์ใหม่ สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่มีเพียง 92 ยูนิต กับพื้นที่โครงการ 12-2-67.6 ไร่
แบบบ้านในโครงการนี้ประกอบไปด้วยแบบบ้านทั้งหมด 2 รูปแบบครับ แตกต่างกันตามรูปแบบการใช้สอยของลูกค้า
แบบบ้านแรกคือ WELLNESS เป็นบ้านหน้ากว้าง 2 ชั้น 2 ห้องนอน 1 มัลติไลฟ์สไตล์ 3 ห้องน้ำ มาพร้อมพื้นที่ใช้สอย 155 ตารางเมตร พื้นที่จอดรถสามารถจอดได้ถึง 3 คัน
และแบบ BALANCE บ้านแนวลึก 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 162 ตารางเมตร ประกอบด้วย 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำเหมือนกัน และมีที่จอดรถสำหรับ 2 คัน
เพดานสูง 2.8 เมตร ราคาเริ่มต้นตอนนี้อยู่ที่ 5.99 ล้านบาท สูงสุด 6.3 ล้านบาทครับ
โครงการนี้ใช้แผ่นเหล็กเมทัลชีท ซึ่งข้อดีของเค้าคือนอกจากความสวยงาม ติดตั้งง่าย และราคาไม่แพงแล้วคือไม่ต้องเจาะรูครับ ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหารั่วซึมเลย เทียบกับแบบอื่นคือชนะขาด
ตัวบ้านของเค้าออกแบบมาดีมาก ฟังก์ชั่นน่าสนใจ ที่สำคัญคือหน้ากว้างถูกใจเทรนด์ยุคนี้สุดๆ
บ้านตัวอย่างเค้าแต่งสวยเชียวนะ ตัวบันไดก็แปลกดี และด้านในคือกว้างมากทั้งสองแบบบ้านเลย ตัวห้องนอนหลัก-รอง ไม่มีห้องไหนที่รู้สึกว่าอยู่แล้วอึดอัด แต่ว่าพื้นที่ระเบียงอาจจะแคบไปนิดเท่านั้นครับ
ส่วนตัวผมชอบพื้นที่ว่างของชั้นสอง ซึ่งตรงนี้เราสามารถปรับเป็นพื้นที่ทำงานหรือพื้นที่นั่งเล่นก็ได้ แต่อย่างบ้านตัวอย่างจัดเป็นพื้นที่ทำงาน ผมรู้สึกว่าเหมาะมากเลย
และเพราะตัวฟังก์ชันออกแบบมาดี พื้นที่ตรงส่วนนี้มันเลยสามารถแทรกจุดเล็กๆ น้อยๆ ใส่เพิ่มไปได้
อย่างพื้นที่เล็กๆ ข้างบันไดความจริงอาจจะใช้ประโยชน์ไม่ได้ แต่เค้าก็ปรับออกมาให้มันมีพื้นที่เหลือมากพอให้ใช้งานสำหรับคนคนเดียวได้ พ่อแม่อาจทำงานในพื้นที่ใหญ่ ส่วนลูกนั่งเรียนออนไลน์อยู่อีกฝั่งเงียบๆ เรียกว่าใช้งานได้ครบทุกตารางวาก็ว่าได้ครับ
อีกหนึ่งข้อดีคือหน้าบ้านจะไม่มีเสาไฟฟ้านะ โครงการนี้ใช้สายไฟลงดินทั้งหมด ยกเว้นก็แต่ฝั่งหน้าโครงการที่จะยังมีเสายืนต้นอยู่ แต่สายไฟตรงส่วนนั้นจะโยงเข้าตัวบ้านไปเลย ถ้าเป็นลูกบ้านอาศัยอยู่ในโครงการมองออกมาจากตัวบ้านจะไม่หงุดหงิดกับสายไฟแน่นอน
นอกจากนี้โครงการมี EV Chager ให้กับทุกบ้านเลยครับ เดินระบบไว้ให้พร้อมหมดแล้ว เราแค่ซื้ออุปกรณ์มาเองก็ใช้งานได้เลย
ด้านหน้าบ้านแต่ละหลังจะมีจุดทิ้งขยะตั้งเอาไว้ให้พร้อม ซึ่งจะแยกเป็นช่องทิ้งขยะเปียกและขยะแห้งไว้ เราก็จัดการใส่ไว้ตามนั้นแล้วรถขยะจะมาเอาไปอีกที
ค่าส่วนกลางของโครงการนี้อยู่ที่ตารางวาละ 55 บาทครับ และเราสามารถใช้คลับเฮ้าส์ได้หมดทุกอย่างเลยนะ
ซึ่งอีกจุดที่แปลกใหม่สำหรับผมก็คือคลับเฮ้าส์ของเค้านี่แหละ
ตัวคลับเฮ้าส์ของโครงการนี้เป็น Grand Clubhouse ขนาด 3 ชั้น ตั้งไว้ที่บริเวณ Main Gate เลยครับ ถือว่ามีเอกลักษณ์มาก ปกติ Main Gate ก็คือซุ้มประตูโครงการเฉยๆ ใช่มั้ยล่ะ แต่ที่นี่ปรับให้เป็นทั้งซุ้มประตูและคลับเฮ้าส์ที่ใช้งานได้ในที่เดียวเลย
และไม่ต้องกังวลว่ามันจะไม่เหมาะหรือเปล่าเพราะโครงการติดถนนใหญ่ จะเสียงดังมั้ยอะไรมั้ย ผมบอกเลยว่าไม่ครับ
เพราะ Main gate & facilities ของที่นี่เน้นความแข็งแรง มั่นคง เป็นเอกลักษณ์ ตัว Main gate เป็นแบบซับเสียง ซึ่งมันจะเงียบกว่าปกติมาก พอผ่านประตูเข้ามาปุ๊บเสมือนเจอโลกใบใหม่ทันที 5555
Grove เป็นป่าโปร่งเล็กๆ ยังไม่ถึงขั้น Forest ก็เหมือนกับเป็นป่าโปร่งเล็กๆ สำหรับครอบครัวที่อยากได้ความสงบผ่อนคลายนั่นแหละครับ
ส่วนด้านล่างของคลับเฮ้าส์จะเป็น Lagoon Pool พื้นที่ส่วนกลางเอ้าท์ดอร์จะอยู่ด้านหลังซุ้ม ทอดยาวเข้าไปจนถึงพื้นที่ที่ตั้งตัวบ้าน แม้ไม่กว้างมากมายแต่ก็ได้บรรยากาศดี
รวมๆ แล้วผมชอบมากเลย มีจุดให้รู้สึกว้าวค่อนข้างเยอะ และน่าจะถูกใจคนเจน Y ที่อยากได้บ้านโซนสายไหมที่คึกคักแต่ไม่ได้อึกทึก สิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม กับขนาดบ้านที่กว้างขวางและมีฟังก์ชันใช้งานอย่างสุดแสนจะเหมาะสม
Tag :
จะมีสักกี่คอนโดที่ยอมปรับรูปแบบโครงการตามใจลูกค้า กับคอนโด Freehold บน ถ.พระรามสี่-สาทร พร้อมฟังก์ชั่นใหม่ 2 BR ราคาสมเหตุผลบนทำเลติดถนนใหญ่
"สาทร" เป็นชื่อทำเลที่ทุกคนต้องรู้จักอย่างแน่นอน เพราะนี่คือ CBD ของกรุงเทพอย่างแท้จริง อุดมไปด้วยแหล่งทำงานมากมาย ตึกสูง ออฟฟิศต่างๆ แทบจะเต็มพื้นที่ไปทุกอณู ทุกตารางนิ้วมีค่าดั่งทอง
"The Crest Park Residences" คอนโดในฝันของใครหลายคนที่ชื่นชอบ ทำเลลาดพร้าว+ความลักซ์ชัวรี่ ที่เปิดขายพรีเซลเมื่อราว 2 ปีก่อน ตอนนี้สร้างเสร็จ พร้อมเข้าอยู่ได้แล้วนะ
ความเป็นคอนโดคูลๆ อ่ะเนอะ พอ Sold out ไปแล้วจะปล่อยให้เสียเวลาไปทำไม ปล่อยเฟสใหม่สิคร้าบบบบ
ผ่านปีใหม่มาไม่ทันไร มีโอกาศได้ไปกระทบไหล่ทำเลโครงการจากออริจิ้นอีกแล้ว ครั้งนี้เป็นทำเลขวัญใจคุณหมอละบุคลากรจากศิริราชมั๊กๆ กับโครงการ So Origin Siriraj (โซ ออริจิ้น ศิริราช) นั่นเอง จริงต้องบอกก่อนนิดนึงว่าโครงการนี้เค้าเป็น New project launch ของปีที่แล้วนะครับ แต่เพิ่งมาล้อมรั่วเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง
ความรู้สึกแรกของผมตอนยืนอยู่ในโครงการ "FYNN Asoke" คือ...เหมือนไม่ได้อยู่อโศก!
คริสปี้ ครีม เค้ามีเมนูใหม่อีกล้าววว เป็นเมนูที่ออกมาต้อนรับวาเลนไทน์ กับ "LOVE BETTER PERFECT TOGETHER" ให้วาเลนไทน์นี้ไม่มีเหงาเพราะเรามาเป็นคู่ กับเครื่องดื่ม 2 เมนูใหม่
ใกล้จะวาเลนไทน์แล้วสินะ!! เทศกาลแห่งความรักแบบนี้ เตรียมของวัญให้หวานใจกันได้หรือยังเอ่ยยยย ถ้าคิดไม่ออกเลี้ยวมาที่คริสปี้ ครีม เลยครับ เค้าออกโดนัทหน้าใหม่ ฉลองเทศกาลแห่งความรักกับ “วาเลนไทน์ โดนัท” ด้วยโดนัทรูปหัวใจสุด Cute!!
รู้หรือไม่ว่าเราสามารถขายบ้านเก่า ซื้อบ้านใหม่ แล้วยังสามารถขอคืนภาษีได้ด้วย แบบนี้มันสามารถช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ขนาด Sales Gallery “Kave Town” ยังออกแบบให้ดาดฟ้า มีคนเช่าทำร้าน “หมูกระทะ” ได้ ผมกับบีชอบมาก ยังพูดแซวๆว่า ขายโครงการหมดไวดีนัก แบ่งพื้นที่ทำร้านซะเลย
บอกตามตรงว่า ‘ตกใจ’ กับยอดขาย 90% ของ ‘The Origin Plug&Play รามอินทรา’ และเป็นของ 6 ตึกที่ยังสร้างไม่เสร็จด้วยนะ ซึ่งนับว่าหายอดขายแบบนี้ได้ยากแล้วในยุคนี้
เลือกปักธงที่ “หาดใหญ่” นะครับ ถิ่นคุ้นเคยของ dcondo ที่ Sold out ขายหมดเกลี้ยงทั้ง 2 โครงการเรียบร้อย!!