ที่ดินรถร้างเกิน 5-10 ปี ระวังโดน "รัฐยึดคืน" หากไม่ทำประโยชน์น้าาาา!!!

ที่ดินรถร้างเกิน 5-10 ปี ระวังโดน "รัฐยึดคืน" หากไม่ทำประโยชน์น้าาาา!!!

Home   /   สาระบนดอย

โซน : 26 Aug 2022   16:21

ปก 900

 

        หนาว ๆ ร้อน ๆ กันเลยแหะ หลังจากที่รัฐบาลขู่จะเพิกถอนสิทธิในที่ดินของเรา หากปล่อยเป็นที่รกร้างว่างเปล่าเกินกำหนดเวลา 5 ปีติดต่อกัน หรือทอดทิ้งที่ดินไม่ทำประโยชน์ 10 ปีติดต่อกัน

        เอาจริงก็งงนะ... เงินเราเอง ซื้อมาเอง กลายเป็นที่เราเอง แต่วันนึงจะกลายไปเป็นของรัฐมันใช่หรอ?

        ก่อนอื่นต้องบอกว่า 'กฎหมายนี้มีอยู่จริง' โดยอยู่ในมาตรา 6 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 และมีการใช้มาตั้งแต่ปี 2522 นับถึงปัจจุบันนี้ก็กว่า 23 ปีมาแล้ว

        แต่ แต่ แต่ กรมที่ดินเค้าก็แจ้งมาว่าจนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยมีคำสั่งศาลให้เพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินให้ตกเป็นของรัฐแต่อย่างใด 

        ซึ่งที่หยิบยกกันมาในช่วงนี้ และวางแผนจะทำการบังคับใช้นั้น ก็เพื่อเป็นการกดดันทางอ้อมให้เราใช้ประโยชน์ในที่ดินนั่นเองเองครับ

        ก่อนที่เราจะตัดสินว่ากฎหมายนี้ควรบังคับใช้หรือไม่ จะเกิดประโยชน์จริงมั้ย ผมว่าเราไปดูรายละเอียดและกระบวนการของเค้ากันก่อนดีกว่าเนอะ

 

dd5

 

เค้าพิจารณากันยังไง?

 

        ถ้ามีการบังคับใช้ขึ้นมาเราก็ต้องเตรียมวางแผนหาทางรอดกันไว้ก่อนเนอะ ซึ่งแค่ล้อมรั้วกั้นขอบเขต หรือเสียภาษีที่ดินตามที่รัฐเรียกเก็บ แบบนี้ไม่ช่วยนะ!

        เท่าที่ผมจับใจความได้ สรุปก็คือเค้าจะพิจารณาถึงการทำประโยชน์ของที่ดินนั้น ๆ เป็นหลัก ซึ่งมันก็คลุมเครือว่ามันคืออะไรล่ะ 5555

        "ถ้าล้อมรั้วหรือเสียภาษีบำรุงท้องที่ แต่ไม่ทำประโยชน์ = เป็นการทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า 

        สำหรับที่ดินซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยในหมู่บ้านหรือในเมือง แม้จะยังไม่ได้ปลูกบ้านแต่เจ้าของยังมีเจตนายึดถือเพื่อตนอยู่ก็ให้ถือว่าที่ดินนั้นเป็นที่ดินที่ได้ทำประโยชน์แล้วโดยสภาพ"

 

pgto3k4is1M2Lvm1NgYR-o

 

ขั้นตอนดำเนินการล่ะ?

 

        กำหนดการนี้เค้าจะเริ่มสำรวจกันภายในเดือนมกราคมของทุกปีครับ จังหวัดจะสำรวจว่าที่มีที่ดินแปลงใดบ้างที่มีผู้ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าเกินกำหนด

        โดนกำหนดไว้ 10 ปีติดต่อกันสำหรับที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน หรือ 5 ปีติดต่อกันสำหรับที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์และรายงานกระทรวงมหาดไทยทราบ 

        ซึ่งก่อนส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทยจะมีขั้นตอนดำเนินการเป็นลำดับอีกที ผมสรุปแบบรวบรัดไว้ในแผนภาพนะ แต่เนื้อหาหลัก ๆ ก็คือ

        1. จังหวัดหรืออำเภอจะทำหนังสือแจ้งให้เจ้าของที่ดินที่ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า จัดการหรือเร่งรัดให้มีการทำประโยชน์ภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่รับแจ้ง

        2. เมื่อครบกำหนดแล้วยังไม่จัดการให้มีการทำประโยชน์ให้จังหวัดตั้งกรรมการเพื่อพิจารณาว่ามีการทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ในที่ดินหรือปล่อยที่ดินให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าเกินกำหนดเวลาจริงหรือไม่เพียงใด

        3. เมื่อคณะกรรมการมีความเห็นว่ามีการทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ในที่ดินหรือปล่อยที่ดินให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าเกินกำหนดเวลาจริง ให้จังหวัดทำความเห็นส่งกรมที่ดินเพื่อพิจารณาดำเนินการส่งเรื่องให้อัยการยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อให้ศาลสั่งเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกล่าว ให้ตกเป็นของรัฐต่อไป

 

Asset 1

 

กฎหมายนี้ควรบังคับใช้ไหมนะ?

 

        อันนี้ผมเข้าใจทั้งสองฝ่ายนะ ทางฝั่งรัฐก็ต้องการให้บ้านเมืองเจริญเติบโตไปข้างหน้า ก่อเกิดการลงทุนตั้งแต่สเกลเล็ก ๆ ที่ดินผืนน้อย ๆ ไปเลย

        ถ้ามองในภาพรวมมันก็เกิดประโยชน์จริง ๆ แหละครับ ไม่ใช่เพียงแค่ที่ดินที่พัฒนา แต่เป็นสายพานที่หล่อเลี้ยงไปถึงการก่อสร้าง การทำธุรกิจ การจ้างงาน และอีกมากมายด้วย

        แต่มุมมองเจ้าของที่ดิน บางทีเราก็ไม่ได้อยากลงทุนเพิ่ม และมันก็เป็นสิทธิของเราอย่างถูกต้องตามกฎหมาย (ที่ควรจะเป็น) ว่าจะทำหรือไม่ทำอะไรกับของ ๆ เราเองก็ได้

        การลงทุนของเราคือใช้พลังจิตพลังใจในการอดทนรอเวลาที่เหมาะสมแค่นั้น เราอาจจะมีบิ๊กโปรเจคในฝันแต่อย่ามากดดันกันด้วยเวลา 5 ปี 10 ปีได้มุ้ยยยย ฮ่า ๆๆๆๆ

        ถ้าถามผมว่าสรุปแล้วกฎหมายนี้มันควรบังคับใช้ไหม ผมว่าจะใช้ก็ได้นะ แต่ต้องมีเกณฑ์การพิจารณาคำว่า 'รกร้าง' และ 'ไม่ทำประโยชน์' ให้เหมาะสมและเข้าใจได้จริง ๆ มากกว่าครับ

        เพราะอย่างที่บอกว่าคนเราซื้อที่มาครอบครองก็รอเวลาที่เหมาะสมในการทำประโยชน์นั่นแหละ แต่บางทีหมดเงินซื้อไปแล้วจะให้ลงทุนต่อก็คงจะไม่ไหวใช่มั้ยล่ะ

        อีกอย่างถ้าพูดกันตามหลักกฎหมายแล้วก็อาจจะขัดกับ รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ในมาตรา 37 “บุคคลย่อมมีสิทธิในทรัพย์สินและการสืบมรดก” อีกทางด้วยนะ

        ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมุ่งหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สิน แม้จะมีกฎหมายที่สามารถยึดที่ดินคืนได้ดังเช่นประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 แต่รัฐต้องมีการคุ้มครองประชาชน

        ใครที่ถือที่ดินอยู่ก็ใจร่ม ๆ กันก่อนครับ เพราะตอนนี้ก็ยังไม่มีการบังคับใช้แต่อย่างใด ระหว่างนี้ก็เข้าไปตรวจสอบที่ดินผ่านแอปพลิเคชั่น LandsMaps ของกรมที่ดินกันไว้ก่อน

        เผื่อจะเกิดไอเดียทำประโยชน์ในที่ดิน ได้ปกป้องและรักษาสิทธิในที่ดินของเราเองด้วย อ่านจบแล้วเพื่อน ๆ คิดเห็นยังไงกันบ้างครับ ฮิฮิ

 

โรงเรียนร้าง01

477e600d31b093a3559b5fc460141706da8f0e1b2639973bf4f82340591c59b1

900

Tag :



ติดดอยแนะนำ

ติดดอยรีวิว

"LIFE พระราม 4 - อโศก" ส่วนกลางอลังการ+วิวโคตรโหด! ได้ทั้งวิวสวนเบญจกิติ และโค้งแม่น้ำบางกะเจ้า แบบเต็มตา แถมยังใกล้ MRT ศูนย์สิริกิติ์ 500 ม.

“ได้วิวแม่น้ำ สวยขนาดนี้เลยรึนี่?!“ เป็นความรู้สึกของผมตอนที่ขึ้นไปชั้น 38 วิวสวยแบบไม่มีอะไรมาบดบังเลย มีมุมที่เห็นสวนเบญจกิติด้วย

"Life พหลฯ-ลาดพร้าว" คอนโดพร้อมอยู่ วิวสวน 700 ไร่ ติดห้าง 2 Central!!

สำหรับผมแล้ว BTS สถานี "ห้าแยกลาดพร้าว" เป็น สถานี Interchange กับ MRT ที่ผมชอบที่สุด และมักจะเป็นทำเลที่ผมแนะนำ ให้คนมาอยู่อาศัยมากที่สุดอันดับต้นๆเลย

"SUPALAI ICON สาทร" ความท้าทายเล็กๆ กับการเปลี่ยนสถานทูตให้เป็น Luxury Condo

มีความท้าทายเล็กๆ กับการเปลี่ยนอดีต ’สถานทูตออสเตรเลีย‘ ให้กลายมาเป็น ‘Luxury Condo’ และ ’Mixed-Use’ ระดับ ’iconic’ ริม ’ถนนสาทร‘


ติดดอยโร้ดทู

Hyde Riverbay Charoennakorn (ไฮด์ ริเวอร์เบย์ เจริญนคร) อีกหนึ่งคอนโดสูงเพรียว ที่จะมายืนตระหง่านประดับเจริญนคร

'เกือบหลับ แต่กลับมาได้' จะมีโครงการไหนกันเชียวที่จะเหมาะกับคำนี้ ถ้าไม่ใช่ 'Hyde Riverbay Charoennakorn' (ไฮด์ ริเวอร์เบย์ เจริญนคร)

"MAVISTA Phromphong" โครงการใหม่ของ Major ที่แน่มาก แกร่งมาก เพราะไม่หวั่นไหวกับการต้องถูกขนาบข้างโดยรุ่นใหญ่!

โครงการใหม่ของ Major ที่แน่มาก แกร่งมาก เพราะไม่หวั่นไหวกับการต้องถูกขนาบข้างโดย Sansiri แบบรั้วชนรั้วเลย!

dcondo calm Ramkhamhaeng 40 (ดีคอนโด คาล์ม รามคําแหง 40) อีกหนึ่งคอนโดทำเลปังจาก "พี่สิบหมื่น" ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย

'dcondo calm Ramkhamhaeng 40' (ดีคอนโด คาล์ม รามคําแหง 40) ก็เป็นอีกโครงการที่ผมบอกเลยว่า คุณจะลืมภาพจำของแบรนด์ดีคอนโดแบบเดิมๆ ไปแทบหมดสิ้น เพราะโครงการนี้ เค้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้งสายสีส้มและสายสีเหลือง!!!


ติดดอยสไตล์

#ติดดอยรวมมาให้ "ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน" กรกฎาคม 2567

ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย

"ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้" การอ่านหนังสือดีๆ เหมือนได้ติดปีกบิน

ขออวดว่าผมได้รีวิวหนังสือเล่มนี้ก่อนหนหน้านี้แล้วด้วยนะ อิอิ แต่ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจรีวิวหรอก แต่เป็นคนอ่านหนังสือแล้วชอบ ‘Short Note’ ประโยคดีๆ คมๆ เก็บไว้ แต่ปรากฏว่ามันโดนบาดเยอะมาก จนสามารถเอามาลงในเพจได้เลย

ชวนดูสถานีรถไฟความเร็วสูงจากแคลิฟอร์เนีย ผ่านแนวคิดคมนาคมและธุรกิจชุมชนท้องถิ่น ต้องเป็นหนึ่งเดียว

ช่วงนี้ผมชอบเข้าไปดูงานออกแบบของ Foster + Partners บ่อยสุดๆ คือรู้สึกได้เลยว่าเราอินกับสไตล์การออกแบบของเค้ามากๆ ซึ่งถ้าใครไม่รู้ว่าเค้าคือใคร Foster + Partners คือบริษัทที่ออกแบบ Apple Store ตรงเซ็นทรัลเวิลด์ นั่นแหละครับ น่าจะพออ๋อกันขึ้นมาบ้างเนอะ

เปิดแล้ว!! "Apple Store สาขาแรกในมาเลเซีย" ชวนดูงานออกแบบสุดล้ำจาก Foster + Partners ที่โดดเด่นไม่แพ้สาขาไทย!!

Apple Store นี่ไม่ว่าจะไปเปิดสาขาที่ไหน ก็สามารถกลายเป็นแลนด์มาร์คของที่นั้นๆ ได้ตลอด ล่าสุดเค้าเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย ไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งนี่เป็นสาขาแรกของมาเลเซีย

#ติดดอยรวมมาให้ ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านกรกฎาคม 2567 มาแล้วค้า

เดือน 7 กำลังจะผ่านพ้นอีกแล้วนะครับ ตอนนี้อากาศกำลังชุ่มฉ่ำแบบสุด ๆ ไปเลย ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณว่าดอกเบี้ยแบบคงที่เริ่มกลับมาแล้วนะ


© 2018 CONDOTIDDOI

ME ESTATE CO.,LTD
92/21 HOLLYWOOD STREET CENTER
PHAYATHAI RD. RACHATEVEE
BANGKOK 10400 THAILAND

02-656-6776
condotiddoi@gmail.com

CONTACT US

CONDOTIDDOI

CONDOTIDDOI

CONDOTIDDOI

085-546-4694

info.condotiddoi@gmail.com

Copyright www.condotiddoi.com © 2018
web design & programming by www.smilephp.com