มนุษย์โลกยังคงต้องเหนื่อยกันต่อครับในปีนี้ หลังจากเผชิญโรคระบาดมาตั้งแต่ปลายปี 2019 แม้สถานการณ์ของเชื้อไวรัสจะมีความน่ากังวลน้อยลงจากการรับวัคซีน แต่ดูเหมือนว่าผืนฟ้ายังคงมีฝนครับ

        เรียกได้ว่า 2022 เป็นอีกปีที่ธรรมชาติพิโรธ เพราะหลายๆ ประเทศกำลังเผชิญกับภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

        ไม่ว่าจะเป็นคลื่นความร้อนพุ่งสูงที่ประเทศเยอรมนีและประเทศสเปน พายุหินหนามหน่อที่ท่วมเกาหลีใต้ในรอบ 80 ปี หรือ น้ำท่วมใหญ่ที่ประเทศปากีสถานที่ส่งผลให้เกิดความสูญเสียแก่ประชากรทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

        นอกจากประเทศที่ผมกล่าวมาแล้ว ปีนี้พบว่ามีหลายประเทศครับที่ต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติ รวมถึงประเทศไทยของเราเองด้วย ต้องบอกเลยว่านาทีนี้พระพิรุณก็เอาไม่อยู่แล้ว

        อย่างที่ทราบกันดีครับว่าช่วงนี้ฝนตกหนักแทบจะทุกวัน (จังหวัดระยองก็ท่วมไปแล้วเรียบร้อย) ส่วนทางด้านเมืองกรุงฯ ของเรานั้นหลายๆ ฝ่ายก็ลุ้นกันฮะว่ามันจะท่วมไหมเนี้ย!!

        ในช่วงอายุของคนไทยส่วนใหญ่ ถ้าพูดถึงเหตุการณ์อุทกภัยหรือภาษาบ้านๆ ก็คือน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล แน่นอนครับว่าเหตุการณ์ปี 54 ต้องเป็น No.1 อยู่แล้ว เพราะมีถึง 65 จังหวัดในไทยต้องจมอยู่ใต้น้ำท่วมขัง ปีนั้นเศรษฐกิจไทยสูญเสียไปมากกว่าล้านล้านบาทเลยนะครับ!!

        ปีนั้นเรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์อุทกภัยใหญ่ในรอบ 70 ปี หากนับจากเหตุการณ์น้ำท่วมกรุงเทพในปี 2485 ปีนั้นเป็นปีที่มีการสูญเสียมาก ทั้งในแง่ของชีวิต ทรัพย์สิน เศรษฐกิจ เรียกได้ว่าเป็นอีกปีที่ชาวไทยไม่มีวันลืมแน่นอน

        แต่แล้วครับ ก็มีการคาดการณ์กันว่า เห้ย ปีนี้อ่ะ อาจจะเกิดอุทกภัยเหมือนปี 54 เลย ซึ่งบางแหล่งข้อมูลเนี้ยเค้าบอกว่าฝนปีนี้จะเป็นฝนในรอบ 100 ปี!!! ซึ่งอาจจะรุนแรงกว่าปี 54 ด้วยซ้ำนะ!!

        ช่วงนี้ก็ยังหวั่นๆ ใจกันครับ ฝนตกหนักแทบทุกวัน น้ำอาจจะท่วมหรือไม่ท่วมก็ได้ ทางผมเนี้ยก็ถือคติกันไว้ดีกว่าแก้ เอาสารประโยชน์และข้อมูลมาแชร์กันดีกว่าครับ ว่าถ้าหากน้ำท่วมเนี้ย เราควรรับมือหรือมีวิธีการเตรียมตัวกันอย่างไรบ้างหนอ??

        - เช็คข้อมูลข่าวสาร ข้อแรกง่ายๆ เลยครับ เราควรหมั่นเช็คข้อมูลข่าวสารทุกวัน ข้อดีคือตอนนี้ไทยเรามีแอปเอาไว้เช็คสถานการณ์น้ำแล้วนะครับ อย่างแอป BMA Traffic แอปนี้เค้าสามารถเช็คกันได้แบบเรียลไทม์เลย คือเค้าจะมีการอัปเดตว่าถนนเส้นไหนบ้างที่เกิดน้ำท่วม กรณีที่น้ำไม่ได้ท่วมหนัก อาจจะแค่เกิดการท่วมขังอันนี้โหลดติดมือถือเอาไว้ก็ไม่เสียหายครับ จะได้หลีกเลี่ยงเส้นทางได้ นอกจากนี้ยังมีแอปอีกตัวชื่อว่า ThaiWater ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดได้อีกด้วย หรือจะเป็น Facebook fanpage อาทิ ศูนย์ป้องกันน้ำท่วม กรุงเทพมหานคร

        - วางแผนรับมือ อันนี้เป็นข้อแนะนำเลยครับ จากการมีประสบการณ์น้ำท่วม สิ่งที่เราห้ามลืมเลยคือสติจริงๆ เราควรมีการประเมินหรือวางแผนกันล่วงหน้าเลยนะ เพราะเวลาน้ำมาจริงๆ เนี้ยมันไวกว่าที่คิดมากๆ สิ่งที่หลายคนมักจะลืมคิดเลยก็คือจุดนัดพบของคนในครอบครัวด้วยครับ จากข้อมูลเมื่อปี 54 เชื่อพบว่ามีประชาชนสูญหาย 3 คน ตัวเลขนี้อาจจะไม่ได้เยอะมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ได้รับผลกระทบในปีนั้น แต่ลองคิดดูว่าหากเป็นคนในครอบครัวของเรา มันคงไม่สามารถประเมินค่าได้

        - ย้ายของขึ้นที่สูง อันนี้น่าจะทราบกันทุกคนแหละ แต่ว่าอยากย้ำเตือนว่า ควรเลือกสิ่งที่จำเป็นหรือสำคัญก่อน และอีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนอาจจะมองข้ามเพราะอาจจะไม่ใช่ของมีค่านั่นก็คือเรื่องของปลั๊กไฟต่างๆ ครับ ควรทำการปิด ชักปลั๊กออก ปิดรู ช่วงชุลมุนวุ่นวาย ห้ามลืมเรื่องนี้เด็ดขาดเพราะอันตรายมาก อีกอย่างหากใครมือลูกเด็กเล็กแดง อย่าลืมสอนหรือเตือนเรื่องนี้ด้วยนะ เพื่อความปลอดภัยอย่าลืมไปปิดแก๊สหุงต้มในห้องครัว รวมถึงสับสวิทช์หรือตัดกระแสไฟเพื่อป้องกันการรั่วไหล 

        - อย่าลืมทำหน้าที่ทาสที่ดี ใครมีสัตว์เลี้ยงอย่าลืมเอาเจ้านายไปไว้ในที่ปลอดภัยด้วยนะ เพื่อป้องกันการสูญเสีย

        - กระสอบทราย เชื่อว่าหลายๆ บ้านคงมีกระสอบทรายหลงเหลือกันอยู่บ้าง จะบอกว่ากระสอบทรายยังคงได้ผล สามารถป้องกันน้ำท่วมขังเข้ามาในบ้านได้ในระดับหนึ่งเลยนะครับ ช่วงนี้เรายังไม่ชัวร์ว่าจะท่วมหรือไม่ท่วม สามารถตรวจเช็คหรือซ่อมแซมกระสอบเก่าๆ  ที่มีอยู่ก่อนได้ เวลาน้ำมาจะได้มีของในสภาพสมบูรณ์ใช้กันด้วยเนอะ

        นอกจากนี้หากเกิดน้ำท่วมเรายังสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือไว้แจ้งเหตุได้ที่เบอร์ฉุกเฉินเหล่านี้ฮะ แนะนำให้เซฟติดเครื่องไว้เลยนะ

        1. ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) สายด่วนรับแจ้ง – เตือนภัยน้ำท่วม โทร. 1111 กด 5 ตลอด 24 ชั่วโมง

        2. ร่วมด้วยช่วยกัน ประสานความช่วยเหลือ โทร. 1677

        3. สภากาชาดไทย สายด่วนรับแจ้ง – เตือนภัย ช่วยเหลือสาธารณภัย โทร. 1664

        4. ตำรวจทางหลวง กรมทางหลวง สอบถามเส้นทางน้ำท่วม ขอความช่วยเหลือ โทร. 1193

        5. สายด่วนกรมทางหลวง โทร.1586

        6. ศูนย์ความปลอดภัย กรมทางหลวงชนบท สอบถามเส้นทางน้ำท่วม ขอความช่วยเหลือ โทร. 1146

        7. สายด่วน 191

        8. สายด่วน 1599 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.)

        9. สวพ.91 สำหรับแจ้งเหตุ และประสานขอความช่วยเหลือ ติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง โทร.1644

        10. ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม โทร. 1356

        11. กรมอุตุนิยมวิทยา สายด่วนข้อมูลสภาพอากาศ โทร. 1182

        12. สายด่วนกรมชลประทาน โทร.1460 หรือ 02-669-2560

        13. ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ICT) สายด่วนข้อมูลภัยพิบัติ โทร.192

        14. ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม สำนักการระบายน้ำ กทม. รับแจ้งและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม รายงานสภาพอากาศ ฝนตก น้ำท่วมขัง ในกรุงเทพมหานคร โทร. 02-248-5115

        15. จส.100 สำหรับแจ้งเหตุ และประสานความช่วยเหลือ ติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง โทร.1137

        16. แจ้งเหตุ-ขอความช่วยเหลือเหตุน้ำท่วม ผ่าน SMS สำหรับโทรศัพท์มือถือทุกเครือข่ายฟรี ส่งข้อความไปที่ 4567892

        17. แจ้งเหตุผ่านแอปพลิเคชั่น ‘พ้นภัย’

        อย่างไรก็ตาม แม้ตอนนี้เราจะรู้วิธีหรือขั้นตอนรับมือกับอุทกภัยกันบ้างแล้ว แต่สิ่งที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่ตระหนักมากพอคือเรื่องของจิตสำนึกครับ เช่นการไม่ทิ้งขยะลงในแม่น้ำ คู คลอง รวมถึงการเทน้ำมันลงในท่อระบาย จะบอกว่าสาเหตุของการที่น้ำระบายไม่ทันเนี้ย ก็มาจากสิ่งเหล่านี้ด้วยนะ

ข้อมูลและรูปภาพจาก : กรมประชาสัมพันธ์กรุงเทพมหานคร