ในที่สุดข้อมูลอย่างเป็นทางการจากทาง MQDC ก็ออกมาเผยเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับว่าที่ดินผืนงามที่ติดกับ MRT สถานีบางยี่ขัน จะพัฒนาไปเป็นโครงการอะไร

     ก่อนอื่นต้องท้าวความก่อนว่า ผมเองก็เคยทำการสำรวจทำเลมาก่อนหน้านี้แล้วนะ ตอนนั้นที่ดินมีเพียงป้ายไวนิลน้อยๆ แปะเอาไว้ว่าจะเป็นที่ดินในการพัฒนาโครงการคอนโดที่มีชื่อว่า "Whizdom Elememt Pinklao"

     ซึ่งข้อมูลทางเว็บไซต์อะไรก็มีน้อยมากๆ นะ ตัวผลเองก็เลยมุ่งหน้าเน้นสำรวจทำเลเป็นหลัก

     แต่ตอนนี้เคาะใหม่ครับ เป็นข้อมูลทางการแบบเชิญสื่อมวลชนมางานแถลงข่าวพร้อมเปิดห้องตัวอย่างเรียบร้อย

     โดยจากเดิมครับที่จะพัฒนาให้เป็นโครงการ "Whizdom Elememt Pinklao" ตอนนี้เปลี่ยนใหม่เป็นโครงการ "Whizdom Coex Pinklao"

     ซึ่งต้องบอกก่อนว่าโครงการนี้ยังถือว่าเป็นโครงการแรกภายใต้แบรนด์ "Whizdom Coex" อีกด้วยครับ โดยความน่าสนใจของโครงการนี้ก็คือ เค้าเน้นพัฒนาที่อยู่อาศัยด้วยการสะท้อนการออกแบบ Smart New Generation Space เพิ่มพื้นที่เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ไม่ว่าจะเป็น Co-live, Co-work, Co-learn, Co-play มาพร้อมพื้นที่ COEX Space คือนอกจากให้คนในโครงการใช้แล้ว คนในชุมชนยังเข้ามาใช้ได้ด้วย!!!

     หรือถ้าเคาะเอาแบบเข้าใจง่ายๆ เลยก็คือเค้าจะมาในรูปแบบ Mixed-Use คอนโดนั่นเอง

 

 

     อ่ะวกกลับมาที่โครงการอีกรอบ คราวก่อนที่ผมทำการสำรวจทำเลเนี้ย ตอนนั้นนึกว่าเค้าจะพัฒนาแค่ตรงพื้นที่เดียวคือที่ดินที่ติดรถไฟฟ้า MRT บางยี่ขัน บริเวณปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 42 แต่ความจริงแล้วคือ โครงการนี้จะมีด้วยกันทั้งหมดสองทาวน์เวอร์ ความเก๋คือทาวเวอร์ทั้งสองจะอยู่ตรงข้ามกัน โดยอยู่ระหว่างสถานีบางยี่ขันนั่นเอง!!!

     มาดูรายละเอียดโครงการกันหน่อยครับ โครงการจะมี 2 ทาวน์เวอร์ สูง 19 ชั้น ซึ่งทั้งสองตึกจะตั้งอยู่ระหว่างสถานีบางยี่ขัน โดยจะทำการแบ่งเป็น

     - Whizdom Flex (วิสซ์ดอม เฟล็กซ์) กำหนดเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 ตุลาคม 2022

     - Whizdom Fam (วิสซ์ดอม แฟม) กำหนดเปิดขายปลายปี 2023 

     โดย Whizdom Flex จะเป็นบริเวณที่ดินปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 42 และ Whizdom Fam จะเป็นฝั่ง Sale gallery ปัจจุบัน 

     โครงการนี้จะมีแบบจำนวนห้องพักอาศัยราว 800 ยูนิต ซึ่งตัวของ Whizdom Flex ที่จะทำเป็นเฟสแรก จะมีจำนวนห้องทั้งหมด 340 ยูนิต ครับ แบบห้องจะประกอบด้วย 

     - ห้องสตูดิโอ ขนาด 26-28 ตารางเมตร

     - 1 ห้องนอน ขนาด 31-40 ตารางเมตร

     - 2 ห้องนอน ขนาด 48-70 ตารางเมตร

     - Penthouseขนาด 66-95 ตารางเมตร

     มาพร้อมห้องเพดานสูง  2.7 เมตร ทำให้หนึ่งห้องอยู่สบายปลอดโปร่ง และที่จอดรถแบบอัตโนมัติ และแบบปกติ รวมจำนวน 57% ความอลังอีกหนึ่งของโครงการนี้คือ เจ้าตัว COEX Space เนี้ย มีพื้นที่รวมอยู่ที่ราวๆ 8,000 ตารางเมตร (รวม 2 อาคาร) เลยนะ!!

     มาดูรายละเอียดของ COEX Space กัน บริเวณชั้น 1 เค้าจะทำเป็น CO-Café พื้นที่ร้านอาหารและคาเฟ่ที่ friendly สำหรับการทำงานตลอดทั้งวันเป็น Mingle Space ต้อนรับทั้งลูกบ้านและผู้คนในชุมชน 

     จากนั้นเชื่อมต่อมาที่ Working Zone บริเวณชั้น 2 ซึ่งเป็น CO-Play & Creation Space ต้อนรับผู้คนคอยรองรับกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการประชุมกับทีมงาน โดยมีทั้ง Private Zone, Meeting Zone และ Phone Booth ให้ตอบโจทย์แต่ละช่วงเวลาของการทำงาน 

     บริเวณชั้น 3 เพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยด้วยทางเชื่อมจากตัวสถานีฯ เข้าตัวทาวเวอร์ได้อีกด้วย ในชั้นนี้จะได้พบกับ CO-Kitchen & Dining ที่จะจัดสรรทั้งอาหารและเครื่องดื่ม และโซนที่จะสร้างเอเนอร์จี้ พร้อมกับความสนุกของวันได้ด้วย CO-Active & Digital Lifestyle 

     และบริเวณชั้น 4 ให้ได้เพลิดเพลินไปกับกิจกรรม Work out ในรูปแบบดิจิตัลตลอด 24 ชั่วโมง (เฉพาะ Whizdom Flex)

 

]

 

     โดยห้องพักจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 5 ส่วน 4 ชั้นแรกที่กล่าวมาคนข้างนอกเข้ามาใช้ได้ด้วยนะ แต่นอกจาก 4 ชั้นแรกยังมีส่วนกลางสำหรับลูกบ้านเท่านั้นอีกด้วย

     สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการมีค่อนข้างหลากหลายตอบโจทย์ทั้งคนที่เป็น Extrovert และ Introvert เลยฮะ อาทิ Ground Floor: Grand Lobby ออกแบบคล้ายถูกโอบล้อมด้วย Space ที่เหมือนถ้ำ (The Cave) พร้อมห้องปฐมพยาบาลเบื้องต้น, Smart Locker ที่จะเชื่อมต่อกับบริเวณ COEX Space, AUTOMATIC PARKING, SMART STORAGE, CO-WORKING SPACE, INTERACTIVE GYMS, MINI THEATER

     อ่ะ ทราบข้อมูลโครงการกันแล้ว ทีนี้ตามผมไปชมห้องตัวอย่างกันครับ 

     ทางโครงการเค้าเปิดบ้านต้อนรับสื่อมวลชนให้เข้ามาสัมผัสห้องตัวอย่างโครงการไปเมื่อวันที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมานี้เอง

     โดยตัว Sale gallery จะตั้งอยู่ทางออกที่ 2 ของสถานีรถไฟฟ้า MRT บางยี่ขันเลยครับ ติดกับปั๊มน้ำมัน Susco 

     Sale gallery สวยงามตั้งเด่นเป็นสง่า บริเวณพื้นที่ที่จะพัฒนาเป็น Whizdom Fam (เฟสสองของโครงการ) ตอนนี้เค้าปรับเปลี่ยนเป๋นสวนขนาดย่อมๆ มีที่นั่งเปิดให้คนในชุมชนเข้ามาใช้ได้ก่อนครับ ระหว่างที่รอพัฒนาโครงการ ตรงคอนเซปต์เด๊ะ!!

 

 

 

     ด้าน Sale gallery จะมีทั้งหมด 3 ชั้น มีห้องตัวอย่างให้เราชมทั้งหมด 2 ห้อง มีลิฟท์ให้บริการด้วย สำหรับคนที่ขึ้นบันไดไม่ไหว 5555

     ห้องตัวอย่างแรก 1 Bedroom ขนาด 34 ตร.ม. ก่อนจะเข้าไปดูห้องตัวอย่าง ทางเซลเค้าแจ้งมาด้วยว่าห้องแบบ 1 Bedroom จะเป็นไทป์ห้องที่มีมากที่สุดในโครงการ (ขนาดก็มีให้เลือกตั้งแต่ 31-40 ตารางเมตร)

     เปิดประตูห้องเข้าไปเราจะเจอกับโซนครัว ซึ่งทางโครงการทำพื้นที่ออกมาพอเหมาะ ไม่เล็กเกินไป ไม่ใหญ่เกินไป เออ ลืมบอกเลยแหะ โครงการนี้เค้าให้ห้องมาแบบ Fully Fitted ได้ digital doorlock มาเลยเรียบร้อย

     โซนครัวจะแยกตัวกับ Living area อย่างชัดเจนด้วยประตูบานสไลด์ ห้องนี้ Living area ไม่กว้างมากนัก เพราะมีการแบ่งพื้นที่เป็น มุมสำหรับทำงานอย่าง Working Pod Area สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ทำงานแบบ Work from home หรือการเรียนออนไลน์ ผมชอบมากๆ เพราะมุมนี้เค้าจะมีพื้นที่สำหรับเก็บเครื่องซักผ้าด้วย เจ๋งดีนะ 5555

     ทางด้านห้องนอน ความเก๋อีกอย่างคือเค้ามีเครื่องเฟรชแอร์ให้ด้วยในห้อง ห้องนอนขนาดพอดี โครงการให้ตู้เตียงพร้อม ห้องน้ำกว้างมว้ากกก แยกโซนเปียกโซนแห้งให้เรียบร้อยเลยฮะ ห้องน้ำจะอยู่ในห้องนอนเลย

 

 

     เดินขึ้นมาชมอีกห้อง ห้องนี้เป็นห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 48 ตร.ม. ห้องนี้กว้างมากๆ เปิดประตูเข้าไปเราจะจ๊ะเอ๋กับโซนครัวบริเวณซ้ายมือ ซึ่งจะผนวกเข้ากันทั้ง 2 Area ทั้งห้องครัวและห้องนั่งเล่น Working Pod Area ก็จะกว้างๆ กว่าห้องแรกนิดหน่อยเพราะตู้ซ่อนแอบที่ใช้สำหรับใส่เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าถูกนำมาอยู่บริเวณประตูทางเข้าแทน

     ห้องนอนแม้จะไม่ใช่ Master Bedroom แต่ก็กว้างนะ วางได้ทั้งเตียงทั้งตู้ พื้นที่เหลือๆ ส่วน Master Bedroom ก็จะใหญ่ขึ้นมาหน่อยตามสเตป เค้ามีเครื่อง fresh air ให้เหมือนกันฮะ น้องจะแอบอยู่ตรงบริเวณผ้าม่าน

 

 

     ดูห้องตัวอย่างเสร็จเรียบร้อย ไวมากๆ เพราะมีแค่สองห้อง แต่หลังจากชมเสร็จขอมาพูดถึงระบบปรับอากาศดีว่า โครงการนี้เค้าจะใช้ระบบปรับอากาศทำความเย็นด้วยท่อน้ำเย็น(Water-Cooled Chiller System) ไม่มีท่อลม ซึ่งสามารถลดการสะสมของฝุ่นและการเกิดเชื้อรา รวมถึงมีการออกแบบคุณภาพอากาศภายในห้องที่ดีด้วยการติดตั้งเครื่อง Fresh Air Fan และการออกแบบช่องเปิดด้านเดียว (Single-Sided Ventilation) ทำให้อากาศมีการหมุนเวียนได้มากยิ่งขึ้น

     อันนี้แอบถามทางเซลมา เค้าบอกว่าระบบนี้ยังค่อนข้างใหม่ในวงการที่พักอาศัย เพราะส่วนใหญ่ระบบปรับอากาศแบบนี้ พวกสนามบิน หรือสถานที่ที่ต้องใช้แอร์ตลอดเวลาเค้าจะใช้กัน ความดีงามคือมันช่วยประหยัดพลังงานได้ดีกว่าเดิมนั่นเอง!!! โดยโครงการ Whizdom COEX Pinklao เป็นโครงการที่ 2 ของ MQDC ที่ใช้ระบบนี้ ส่วนโครงการแรกคือโครงการ the forestias นั่นเองฮะ

     มาดูทางด้านของราคากันบ้างทำเลดี เชื่อมต่อการเดินทางอย่างสะดวกสบายขนาดนี้ เค้ามาในราคาเริ่มต้นที่ 3 ล้านต้นๆ (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2565)

     สำหรับผม โครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการที่ทำเลดีที่สุดในย่านบางยี่ขันแล้วนะ!! ลืมบอกว่าทางฝั่ง Whizdom Flex ยังสามารถมองเห็นวิวสะพานพระราม 8 และแม่น้ำเจ้าพระยาได้อีกด้วย 

     ที่สำคัญพิกัดตรงนี้เผื่อใครไม่รู้นะครับว่าบางยี่ขันเป็นพิกัดที่ข้ามเข้าฝั่งพระนครก็ง่ายฝั่งธนฯ ก็สะดวก สำหรับในเรื่องของทำเล และการเดินทาง แนะนำให้เข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ พาชมทำเลโครงการ "WHIZDOM ELEMENT PINKLAO" ทำเลดี ติดรถไฟฟ้าสถานีบางยี่ขัน 0 เมตร!! ผมเคยทำไว้ก่อนหน้านี้ ก่อนที่โครงการเค้าจะเคาะเป็น Whizdom COEX Pinklao ปิ่นเกล้านั่นเอง

     ไม่เพียงแค่นี้ครับ โครงการยังใกล้กับแหล่งไลฟ์สไตล์เด่นๆ อย่าง เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ปิ่นเกล้า ที่ห่างไปเพียง 1.5 ก.ม. เท่านั้น นอกจากนี้โครงการยังใกล้กับสถานศึกษาและสถานพยาบาลมากมายอาทิ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล, โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์, มหาวิทยาลัยศิลปากร ท่าพระ, โรงพยาบาลเจ้าพระยา, โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาล ธนบุรี 1, โรงพยาบาลยันฮี

     ทำเลดี วิวเด่น เดินทางสะดวกขนาดนี้ ใครสนใจสามารถเข้าไปลงทะเบียนได้แล้วครับที่ คลิก หรือเข้ามาที่ Sale gallery ก็ได้เลยครับ เค้าพร้อมต้อนรับคนรุ่นใหม่มาสัมผัสไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ทุกคนกันแล้ว!!