ตอนนี้ธุรกิจโรงแรมยังอ่วม และยอดซื้อขายโรงแรมทั่วเอเชียก็ขยับปรับตัวเพิ่มขึ้น ทาง JLL คาดการณ์ว่ายอดซื้อขายโรงแรมในบ้านเราปีนี้น่าจะอยู่ที่ 8,000-10,000 ล้านบาทเลยครับ

        สำหรับกลุ่มของผู้ซื้อโรงแรมในไทยระหว่างปี 2564-2565 เทียบจากปริมาณการทำธุรกรรมแล้ว มีสัดส่วนมาจากนักพัฒนาโครงการอสังหาฯ จำนวน 17% ผู้ลงทุนรายใหญ่ กลุ่มองค์กร จำนวน 43% กองทุนลงทุนในหุ้นที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาด 5% โรงแรม/SA operator 8% และอื่นๆ อีก 27%

        ส่วนสัญชาติของผู้ซื้อโรงแรมมีสัดส่วนเป็นชาวไทย 42.3% ฮ่องกง 25.5% สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 21.9% ชาวอเมริกัน 6.4% ชาวจีน 2.8 และอื่นๆ 1.1% เปลี่ยนแปลงจากเดิมในปี 2553-2563 ที่ชาวไทยครองสัดส่วนของผู้ซื้อมากถึกง 63.7% ตามมาด้วยชาวสิงคโปร์ 14.5% ชาวอเมริกัน 5.6% ชาวมาเลเซีย 5.6% ชาวฮ่องกง 4% และอื่นๆ 6.8%

        แนวโน้มของการซื้อขายโรงแรมในปีนี้นั้น ทาง JLL มองว่ากรุงเทพฯ ภูเก็ต และเกาะสมุย ยังคงเป็น 3 จุดหลักที่เนื้อหอมในหมู่นักลงทุนครับ และช่องว่างระหว่างราคาของผู้ซื้อกับผู้ขายยังคงมีอยู่แต่ว่าจะลดน้อยลง แถมนักลงทุนที่เข้ามาก็ไม่ใช่นักลงทุนแบบดั้งเดิม ที่เคยทำธุรกิจโรงแรมมาก่อนด้วย แต่จะเริ่มเห็นกลุ่มทุนใหม่ๆ เข้ามาซื้อขายโรงแรมในไทยกันเพิ่มแล้ว