ช่วงนี้ข่าวที่ต้องเฝ้าระวังกันก็คือเรื่องน้ำท่วมนี่แหละครับ เพราะหลายจังหวัดทางเหนือหรืออีสานก็อ่วมกันไปเป็นแถว และแน่นอนว่าภาคกลางช่วงกรุงเทพฯ และปริมณฑลเองก็มีสิทธิ์จะไม่รอดเหมือนกัน
น้ำท่วมทีก็ปวดหัวกันที นอกจากข้าวของจะพังเสียหายแล้ว การใช้ชีวิตอยู่ยังลำบากอีก
แต่หลังจากน้ำลดไปแล้วก็ใช่ว่าจะสบายเหมือนกัน เพราะปัญหาหลังน้ำลดที่เราต้องเจอก็คือสภาพบ้านที่เละเทะนี่แหละ
นอกจากเรื่องความทรุดโทรมของตัวบ้านที่ต้องจมอยู่กับน้ำไม่สะอาดเป็นเวลานานแล้ว ยังมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเชื้อรา ตะไคร่น้ำ หรือสีบ้านที่หลุดลอก บางทีเห็นแล้วยังปวดใจไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นจากตรงไหนก่อนดี
แต่ไม่ต้องกังวลไป ถ้าเรารู้วิธีรับมือกับปัญหาพวกนี้ได้ก็ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถแล้วล่ะครับ ว่าแต่ขั้นตอนการลงมือแก้ปัญหามีอะไรสำคัญๆ บ้าง เราไปดูกันเลยดีกว่า
1. ตรวจสอบจุดที่ต้องซ่อมแซม ระบบไฟฟ้า รวมถึงสัตว์มีพิษทั้งหลาย
สิ่งแรกที่ต้องทำหลังจากน้องน้ำจากไปแล้วคือการตรวจดูสภาพบ้านแสนรักของเรามีปัญหาตรงไหนบ้างหรือเปล่า แต่ก่อนอื่นแนะนำว่าควรใส่หน้ากากปิดจมูกและปาก รวมถึงใส่ถุงมือเตรียมเอาไว้ให้ดีก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับบรรดาเชื้อราหรือสารเคมีที่มากับน้ำครับ
นอกจากนี้อย่าลืมใส่รองเท้าเพื่อป้องกันของมีคม เชื้อโรค หรือกระแสไฟฟ้าและสัตว์มีพิษด้วย จากนั้นเปิดหน้าต่างออกเพื่อให้แสงแดดส่องเข้ามาฆ่าเชื้อโรคในบ้าน แถมระบายอากาศไปพร้อมกัน จากนั้นก็ลงมือตรวจสอบว่ามีเฟอร์นิเจอร์เปื่อยยุ่ยหรือไม่ หน้าต่างประตูผุพังมั้ย ตามซอกมุมเองก็ควรตรวจสอบด้วยความระมัดระวังว่ามีแขกแปลกหน้าอย่างสัตว์มีพิษแอบซุกซ่อนอยู่หรือเปล่า น้องงู แมงป่อง ตะขาบทั้งหลาย อาจจะอาศัยซอกในบ้านเราเพื่อหนีน้ำก็ได้ใครจะไปรู้
2. เช็คคราบสกปรกบนพื้นและผนัง
หลังจากน้ำลดแน่นอนว่าต้องทิ้งคราบเอาไว้แน่นอน ทั้งผนังและพื้นจะเหลือร่องรอยการคงอยู่ของมันครับ เราสามารถใช้น้ำยาทำความสะอาดมาฉีดล้าง และขัดคราบสกปรกและตะไคร่ทั้งหลาย แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งได้เลย
หากมีคราบน้ำมันฝังอยู่ก็ใช้น้ำยาขจัดคราบน้ำมันมาผสมน้ำแล้วเทลงในจุดที่ต้องการทำความสะอาด ปล่อยทิ้งเอาไว้ก่อนราว 10 นาที เมื่อคราบลอยขึ้นมาให้เห็นแล้วก็ใช้แปรงขัด ล้างออกด้วยน้ำสะอาดเป็นอันจบ
3. ซ่อมแซมผนังและเพดาน
จุดนี้ขึ้นอยู่กับว่าบ้านของเราใช้วัสดุรูปแบบไหนในการทำครับ ถ้าเป็นผนังไม้แค่เช็ดทำความสะอาดก็เรียบร้อย หลังจากแห้งดีค่อยใช้น้ำยารักษาเนื้อไม้ชโลมหรือรอทาสีต่อไป
แต่ถ้าเป็นผนังยิปซัมบอร์ดก็เลาะเอาแผ่นที่เสียออกไปก่อนแล้วตรวจดูด้านในว่าโครงเป็นอะไร หากเป็นโลหะก็ติดแผ่นใหม่ได้เลย แต่ว่าถ้าเป็นโครงไม้อันนี้ต้องรอให้ความชื้นในไม้ระเหยออกไปก่อนนะครับ
ส่วนผนังก่ออิฐฉาบปูนก็ใช้วิธีเดียวกับผนังไม้ได้เลย แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือต้องรอให้ความชื้นระเหยไปก่อน จากนั้นจึงค่อยทาสีใหม่
4. ทาสีได้ แต่อย่าเพิ่งรีบทาสีเลยทันที
หลังน้ำท่วมต้องเกิดปัญหาสีหลุดล่อนแน่นอน แต่ห้ามทาสีบ้านใหม่ทันทีนะครับ นั่นเพราะว่าตัวผนังบ้านจะมีความชื้นสูง ถ้าหากว่าเรารีบร้อนที่จะทาสีใหม่ก็อาจทำให้เกิดการหลุดลอกได้ง่ายแถมยังทาสีติดยากอีกด้วย
หลังขัดลอกสีเดิมออกและล้างให้สะอาดแล้ว ควรเว้นระยะเพื่อรอให้บ้านแห้งสนิทดีเสียก่อน สัก 1-3 เดือนเพื่อให้บ้านแห้งสนิท ก่อนจะเริ่มทาสีใหม่ได้ครับ
5. ตรวจดูปัญหาในห้องน้ำให้ดี
สิ่งหนึ่งที่น่าจะต้องเจอกันคือปัญหาส้วมราดไม่ลงหลังน้ำท่วม อันนี้มันเกิดขึ้นเพราะน้ำที่ท่วมบ้านมันเข้าไปอยู่ในระบบบำบัด พอด้านในเต็มไปด้วยน้ำจึงไม่มีพื้นที่เหลือให้รับได้อีก
โดยมากแล้วปัญหานี้มักเกิดขึ้นกับบ่อบำบัดแบบเก่า ซึ่งมีวิธีแก้คือหากเป็นบ่อปูนแบบซ้อนกันลงในดินนั้นคงต้องรอให้น้ำลดมากพอที่จะดันเข้าไปในบ่อถึงจะสามารถกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม แต่ถ้าหากถังบำบัดสำเร็จรูป ขอแค่ปิดฝาสนิทและท่อหายใจอยู่สูงกว่าระดับน้ำ เท่านี้ก็หมดห่วงจ้า
6. ตรวจดูอุปกรณ์ไฟฟ้าให้เรียบร้อย
บรรดาเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหลายที่อยู่ในบ้านเรา หากขนขึ้นที่สูงไม่ทันก็ต้องยอมให้จมอยู่ในน้ำไป พวกเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า อะไรพวกนี้ ถ้าน้ำท่วมขังก็แสดงว่ามีน้ำไหลเข้าไปในเครื่องแล้วแน่นอน
ขั้นแรกที่ควรทำคือต้องทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จมน้ำแห้งสนิทเสียก่อน และแนะนำว่าทางที่ดีอย่าเสี่ยงแก้ไขซ่อมแซมด้วยตัวเองเลยครับ ควรให้ช่างผู้ชำนาญการเข้ามาตรวจสอบดีกว่า ถ้าเสียหายมากก็ซื้อใหม่ อย่าประมาทเสี่ยงใช้ต่อไปเลย
7. การซ่อมแซมเฟอร์นิเจอร์หลังน้ำท่วม
การซ่อมแซมเฟอร์นิเจอร์หลังน้ำท่วมก็มีวิธีคล้ายคลึงกันกับการซ่อมแซมพื้นเพดานทั้งหลาย คือต้องเอาความชื้นออกมาจากเฟอร์นิเจอร์ให้มากที่สุด ถ้าเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่บุด้วยนุ่นหรือฟองน้ำ อันนี้เปลี่ยนเลยเป็นดีที่สุด เพราะต่อให้ตากแดดจนแห้งยังไงเจ้าสิ่งนี้ก็เป็นแหล่งรวมเชื้อโรคไม่เปลี่ยนอยู่ดี
ใครใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้อย่าเอาออกไปตากแดดนะเพราะเดี๋ยวไม้บิดงอได้ และอย่าลืมว่าถ้าอยากทาสีใหม่ก็ควรรอให้ไม้แห้งสนิทเสียก่อน ส่วนพวกเฟอร์นิเจอร์ Built in ขั้นแรกต้องตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างรวมไปถึงสายไฟที่ฝังในตู้ครับ อย่าลืมทำความสะอาดรูกุญแจและลูกบิดด้วยนะ เพียงเท่านี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว
การจัดการบ้านหลังน้ำท่วม แค่คิดก็ฟังดูเหนื่อยแล้ว แต่ถึงจะเหนื่อยเราก็ต้องทำอย่างใส่ใจและระมัดระวังเพราะนี่เป็นงานที่สำคัญมาก จัดการทุกเรื่องอย่างถูกต้องและไม่ประมาท เท่านี้บ้านแสนสุขก็จะกลับมาเป็นบ้านที่สมบูรณ์ สวยงาม พร้อมสำหรับการอยู่อาศัยได้เหมือนเดิมแล้วครับ
Tag :
"LIFE สาทร - นราธิวาส 22"...นี่น่าจะเป็น คอนโด LIFE ที่มีคนสนใจมากที่สุดในปี 2025
"KAVALON" พัฒนาโดย "เจ้าพ่อแคมปัสคอนโด" แห่งยุคอย่าง AssetWise ซึ่งนี่ก็เป็นโครงการที่ 6 แล้ว ในโซน ม.กรุงเทพ รังสิต
สิ่งหนึ่งที่ผมตั้งตารอเวลาไปงานแถลงข่าวต้นปีของ AssetWise ก็คือ "ชื่อ" ของโครงการใหม่ๆในปีนั้นนั่นละครับ ยอมรับเลยว่า เป็น Dev ที่ตั้งชื่อโครงการได้แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ไพเราะเสนาะหู ช่างสรรหาจริงๆ 555
นาทีนี้จะมีทำเลไหนร้อนแรงเท่า 'พระราม 4' ตั้งแต่การมาของอภิมหาโปรเจกต์ใหญ่อย่าง One Bangkok ก็ดูเหมือนว่า ย่านที่ปังอยู่แล้วตรงนี้ จะยิ่งทวีคูณความปังสุดเข้าไปอีกระดับ
AP ที่เตรียมตัวปักหมุดใกล้ BTS ไปหมาดๆ แต่ต้องบอกว่าปีนี้ AP มาเพื่อบุกย่านอุดมสุข ของแทร่!!
โรงแรมใหม่มาเติมเมืองอีกแล้ว ยังไม่แน่ใจว่าจะลงเป็นเชนอะไร แต่ตัวนี้ตั้งติด MRT สถานีศูนย์วัฒนธรรมเลยครับ
'บิวกิ้นแม่งเล่นโคตรตลก' นี่คือคำพูดที่ผมพูดกับเพื่อนหลังดูภาพยนตร์เรื่อง 'ซองแดงแต่งผี' จบ
เปิดภาพแรกสนามบินภูฏานโฉมใหม่ สนามบินแห่งชาติที่จะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของภูฏานตลอดไป
ยกให้เป็นร้านผลไม้เคลือบน้ำตาลที่ผมชอบที่สุด อร่อยที่สุด และหากินยากที่สุดด้วย!!!
เปิด “สโคป ทองหล่อ” อัลตร้าลักซ์ชูรี All-Penthouse แห่งแรกในไทย สร้างเสร็จสมบูรณ์บนทำเลทองย่านสุขุมวิท-ทองหล่อ
การที่ "Reference Ekkamai" (เรฟเฟอเรนซ์ เอกมัย) ของ "SC Asset" มาปักธงอยู่ตรงนี้ บริเวณปากซ.เอกมัย 1 จึงจัดเป็น 1 ในโครงการที่น่าสนใจที่สุดอย่างแน่นอน นี่คือทำเลแบบ One-Stop Location for Living ก็ว่าได้
ใครจะไปคิดว่าคาเฟ่ร่มรื่น ฟิลโฮมมี่ๆ สไตล์ญี่ปุ่นแบบนี้ จะซุกซ่อนอยู่ในย่านบางขุนนนท์นี่เอง!!