MRT : ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ / /
15 Oct 2022 17:16ไม่ได้ไปเดินงานหนังสือที่ศูนย์สิริกิติ์กันมากว่า 3 ปี ในที่สุดวันนี้ก็ย้ายกลับมาจัดที่เก่าที่เราคุ้นเคย
แต่ที่เด็ดกว่านั้นและทำให้ตั้งตารอก็คือ "มหกรรมหนังสือ 2565" กลับมาจัดที่เดิม เพิ่มเติมคือศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เค้าเพิ่งปรับโฉมใหม่เสร็จไปหมาดๆ!
เพจเราก็เคยเอาภาพมาให้ดูกัน หลายคนจึงน่าจะเห็นกันแล้วว่าอลังการและไฉไลมากแค่ไหน
แต่ในวันที่สถานที่แห่งนี้จัดอีเว้นท์ที่เราคุ้นเคยกัยดีอย่างงานหนังสือนั้นจะออกมาเป็นยังไง เรื่องนี้ต้องบอกว่าขอแนะนำให้แวะไปชมด้วยตาตัวเองจะเห็นภาพชัดกว่ามากครับผม
งานหนังสือปีที่ผ่านๆ มา ผมแวะไปตลอด แน่นอนว่ามีเรื่องให้บ่นเยอะเลยเชียว เดินทางลำบากบ้าง จัดตำแหน่งบูธแปลกๆ บ้าง แต่พอเค้าคัมแบ็คกลับมาที่เดิม ความคุ้นเคยผสมความสดใหม่มันทำให้กระปรี้กระเปร่าดีจริงๆ
งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 27 มาในแนวคิด "Booktopia" จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-23 ต.ค. 65 (รวม 12 วัน) แวะไปเดินได้ตั้งแต่เวลา 10:00–21:00 น. บริเวณชั้น LG ฮอลล์ 5-7
การเดินทางง่ายมากครับ สามารถนั่ง MRT ลงที่สถานีศูนย์สิริกิติ์ได้ เดินออกทางออก 3 แล้วเดินเข้าอุโมงค์ทางเชื่อมเข้างานได้ทันทีเลยครับ
ส่วนใครที่ขับรถมาก็สามารถจอดรถได้ฟรีในศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เด็ดตรงที่ไม่จำกัดชั่วโมง อยู่ตั้งแต่งานเริ่มยันจบไปเลยชาวร็อค!
แต่เพราะงานครั้งนี้เป็นการกลับไปจัดที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ที่แปลงโฉมใหม่จนสวยสะบัด ทำให้แผนผังงานมีหน้าตาที่เปลี่ยนไปจากที่คุ้นเคยเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไฉไลเหมือนเดิมนะ
ผมว่าข้อดีของผังใหม่หนนี้คือเค้าจัดเป็นพื้นที่บริเวณกว้าง จัดบูธเอาไว้เต็มแผงไปเลย ไม่ได้มีส่วนพื้นที่ชั้นหนึ่งชั้นสองอะไร เพราะแบบเก่าคนที่ไม่ได้ไปเดินบ่อยอาจจะงงๆ เดินวนไปวนมาอยู่บ้าง ส่วนแบบใหม่นี่เดินไปเหอะ เหมือนเดินตลาดในอีกแง่ 5555
ใครกลัวหลงกลัวหาบูธสำนักพิมพ์ที่เราต้องใจไว้ไม่เจอก็ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะผู้จัดเค้ามียันต์กันหลงมาให้อยู่แล้ว สามารถดาวน์โหลดได้ ที่นี่ โหลดใส่มือถือไว้ หรือค่อยไปเอาแผ่นพับหน้างานก็ได้
จุดรับฝากของจะมีด้วยกันทั้งหมด 2 จุด ตั้งอยู่ไม่ไกลกันมาก จุดแรกอยู่ที่ต้นโซน A อีกจุดอยู่บริเวณนิทรรศการ Booktopia
ส่วนห้องน้ำมีทั้งหมด 6 จุด ล้อมรอบพื้นที่จัดงานเอาไว้เลย
บูธในงานยังมากเหมือนเดิมเพราะมีสำนักพิมพ์ที่ตบเท้าเข้าร่วมมากกว่า 300 ราย แต่ละสำนักพิมพ์ก็จัดโปรมาให้เราน้ำลายสอกันเต็มที่
แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกัน ผมคิดว่าด้านในฮอลล์เก็บงานไม่ละเอียดเท่าไหร่ พื้นเป็นปูนเปลือยและไม่ได้มีพรมเหมือนสมัยก่อนโน้น ทำให้เวลาเดินแล้วจะเมื่อยขาได้ง่ายมาก และในงานที่นั่งน้อย สมัยก่อนใครไปเดินจะจำได้ว่าจะมีเก้าอี้กระดาษตั้งไว้ยาวเลย ใครเมื่อยก็นั่งพักได้ แต่หนนี้ไม่มี ต้องหาที่นั่งพื้นเอา
อีกอย่างคือใครที่จ่ายเงินสดแนะนำให้กดเงินออกมาจากบ้านก่อนดีกว่า เพราะตู้ ATM น้อยมากครับ แต่เดี๋ยวนี้แต่ละสำนักพิมพ์มีแสกนจ่ายได้แทบทุกบูธเลยสะดวกหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นเพราะแสกนจ่ายได้ สะดวกสบายแบบนี้ เงินมันเลยไหลไวแบบห้ามไม่ค่อยอยู่นะ แหะๆ
เอาเป็นว่าต้องเตรียมเกราะป้องกันกระเป๋าสตางค์กันเอาไว้ให้ดี เพราะมาเดินทีไรก็ลิสต์งอกเพิ่มตลอด งบที่ตั้งไว้ไม่เคยมีอยู่จริง แต่นี่ก็คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของงานหนังสือล่ะนะ
ใครซื้อเยอะซื้อมากไม่ต้องกังวลว่าจะแบกกลับไม่ไหวครับ เพราะภายในงานมีบริการขนส่งโดยไปรษณีย์ไทย โดยจะให้บริการที่บูธ A47 ช้อปเสร็จให้พี่พนักงานจัดการแพ็คหนังสือใส่กล่องแทนได้เลย ส่วนเราเดินกลับบ้านตัวเปล่ารอพี่ไปรมาส่งหนังสืออยู่บ้านได้ สบายๆ
ด้านในมีกิจกรรมและนิทรรศการน่าสนใจตั้งอยู่ด้วยนะ ปีนี้มาในแนวคิด "Booktopia" เมืองในฝันของนักอ่าน หนอนหนังสือร้องกรี๊ดเลย เพราะมีแต่กิจกรรมน่าสนใจให้แวะไปชมกันทั้งนั้น
เดินช้อปจนเหนื่อย คุ้ยหนังสือจนเพลิน ช่วยไม่ได้ที่ท้องจะหิว ต้องแวะไปดูเสียหน่อยว่าศูนย์สิริกิติ์โฉมใหม่มีร้านอาหารอะไรน่ากินบ้าง ซึ่งเห็นแล้วก็ไม่ผิดหวัง ทั้งร้านดังและศูนย์อาหารมีให้บริการเพียบครับ อยู่ได้ทั้งวันแบบไม่ต้องกลัวพยาธิในท้องจะหิวโหย
แต่ถ้ามาในช่วงวันหยุดคนจะแน่นมาก รออาหารนานและคนเยอะสุดๆ ใครมีเวลามาวันปกติก็มาวันปกติเถอะ
นอกจากจะไปเดินช้อปหนังสือเพิ่มลิสต์เข้ากองดองทองคำของเราแล้วยังถือเป็นการแวะไปดูความอลังการของศูนย์สิริกิติ์โฉมใหม่ไปในตัวเนอะ เรียกว่าพลาดไม่ได้อย่างแรง
เอาเป็นว่าลิสต์หนังสือที่อยากได้กันแล้วอย่าลืมจำเลขบูธ จดชื่อแผง แล้วพุ่งตัวไปสู่ขอหนังสือในดวงใจกลับบ้านกันได้นะครับ งานจัดระหว่างวันที่ 12-23 ตุลาคม 2565 เวลา 10:00-21:00 น. ฮอลล์ 5-7 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แวะไปกันได้จ้า
Tag :
“ได้วิวแม่น้ำ สวยขนาดนี้เลยรึนี่?!“ เป็นความรู้สึกของผมตอนที่ขึ้นไปชั้น 38 วิวสวยแบบไม่มีอะไรมาบดบังเลย มีมุมที่เห็นสวนเบญจกิติด้วย
สำหรับผมแล้ว BTS สถานี "ห้าแยกลาดพร้าว" เป็น สถานี Interchange กับ MRT ที่ผมชอบที่สุด และมักจะเป็นทำเลที่ผมแนะนำ ให้คนมาอยู่อาศัยมากที่สุดอันดับต้นๆเลย
มีความท้าทายเล็กๆ กับการเปลี่ยนอดีต ’สถานทูตออสเตรเลีย‘ ให้กลายมาเป็น ‘Luxury Condo’ และ ’Mixed-Use’ ระดับ ’iconic’ ริม ’ถนนสาทร‘
'เกือบหลับ แต่กลับมาได้' จะมีโครงการไหนกันเชียวที่จะเหมาะกับคำนี้ ถ้าไม่ใช่ 'Hyde Riverbay Charoennakorn' (ไฮด์ ริเวอร์เบย์ เจริญนคร)
โครงการใหม่ของ Major ที่แน่มาก แกร่งมาก เพราะไม่หวั่นไหวกับการต้องถูกขนาบข้างโดย Sansiri แบบรั้วชนรั้วเลย!
'dcondo calm Ramkhamhaeng 40' (ดีคอนโด คาล์ม รามคําแหง 40) ก็เป็นอีกโครงการที่ผมบอกเลยว่า คุณจะลืมภาพจำของแบรนด์ดีคอนโดแบบเดิมๆ ไปแทบหมดสิ้น เพราะโครงการนี้ เค้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้งสายสีส้มและสายสีเหลือง!!!
ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
ขออวดว่าผมได้รีวิวหนังสือเล่มนี้ก่อนหนหน้านี้แล้วด้วยนะ อิอิ แต่ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจรีวิวหรอก แต่เป็นคนอ่านหนังสือแล้วชอบ ‘Short Note’ ประโยคดีๆ คมๆ เก็บไว้ แต่ปรากฏว่ามันโดนบาดเยอะมาก จนสามารถเอามาลงในเพจได้เลย
ช่วงนี้ผมชอบเข้าไปดูงานออกแบบของ Foster + Partners บ่อยสุดๆ คือรู้สึกได้เลยว่าเราอินกับสไตล์การออกแบบของเค้ามากๆ ซึ่งถ้าใครไม่รู้ว่าเค้าคือใคร Foster + Partners คือบริษัทที่ออกแบบ Apple Store ตรงเซ็นทรัลเวิลด์ นั่นแหละครับ น่าจะพออ๋อกันขึ้นมาบ้างเนอะ
ยุคนี้ใครเค้าเที่ยวต่างประเทศกัน คนรวยเค้าเที่ยวนอกโลกครับ!
Apple Store นี่ไม่ว่าจะไปเปิดสาขาที่ไหน ก็สามารถกลายเป็นแลนด์มาร์คของที่นั้นๆ ได้ตลอด ล่าสุดเค้าเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย ไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งนี่เป็นสาขาแรกของมาเลเซีย
เดือน 7 กำลังจะผ่านพ้นอีกแล้วนะครับ ตอนนี้อากาศกำลังชุ่มฉ่ำแบบสุด ๆ ไปเลย ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณว่าดอกเบี้ยแบบคงที่เริ่มกลับมาแล้วนะ