ช่วงงานหนังสือมีหนังสือเล่มหนึ่งที่ผมซื้อติดไม้ติดมือกลับมา หลังจากเห็นกระแสความฮอตบนโซเชียลมีเดียก่อนวันเริ่มงานไม่เท่าไหร่
ยิ่งไปกว่านั้นหนังสือเล่มนี้ยังขายดิบขายดีชนิดขาดสต็อก ถึงขนาดที่แอดมินเพจต้องบอกว่าไปซื้อหนังสือเล่มนี้ที่บูธอื่นก่อนได้นะคะระหว่างรอของมาเติม
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเล่มเล็กๆ ไม่หนาอะไรมากมาย ใช้ชื่อว่า "บ้านวิกล คนประหลาด" แต่หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณไม่ต้องสัมผัสกับคำว่า "ดอง" เพราะส่วนตัวผมอ่านจบภายในเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้น
น่าสนใจตรงที่ประโยคจั่วหัวของเรื่องคือ "คุณดูออกไหมว่าบ้านหลังนี้ผิดปกติตรงไหน?" หากมองเผินๆ ก็ดูเหมือนบ้านคนดาษดื่นทั่วไป แต่ถ้าพิจารณาให้ดีทุกซอกทุกมุมจะเห็นว่ามี “ความพิลึกพิลั่นน่าฉงน” ทุกหนแห่ง
เราเพจอสังหา คลุกคลีกันกับการอ่านแปลนอยู่แล้ว ดูปุ๊บรู้ปั๊บว่า...แปลนแบบนี้โดนปัดตกแน่ 55555
ผมคิดว่าสถาปนิก วิศวกร และซินแส คงจะจับมือกันรักใคร่กลมเกลียวหลังเห็นแปลนนี้เลยทีเดียว เพราะมัน "พิลึกพิลั่นน่าฉงน" จริงๆ
แต่นี่ก็คือจุดเริ่มต้นของหนังสือเล่มนี้ครับ ตัดความสมเหตุสมผลเรื่องแปลนออกไป พล็อตหนังสือมันก็ให้ความรู้สึกสดใหม่ทีเดียวนะ
ที่มาของหนังสือเล่มนี้มาจากคลิป "เรื่องสืบสวนอสังหาฯ" ของอุเก็ตสึผู้แต่งที่เคยลงบน YouTube และมีผู้เข้าชมมากกว่า 11 ล้านวิว
เรื่องเริ่มต้นจากการที่คุณนายางิโอะต้องการซื้อบ้านสองชั้นหลังหนึ่ง แต่หลังจากดูแปลนบ้านก็รู้สึกว่ามีจุดประหลาดที่ชวนตงิดใจคือ "พื้นที่ว่างปริศนา" บริเวณชั้น 1
คุณยานางิโอะเลยเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับ "ฉัน" ซึ่งก็คือนักเขียนอิสระที่เชี่ยวชาญเรื่องลี้ลับ และ "ฉัน" ก็เอาเรื่องนี้ไปถามกับคุณคุริฮาระ นักออกแบบของสำนักงานอสังหาฯ เจ้าหนึ่ง
หลังจากร่วมกันพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนทุกซอกมุมแล้ว พวกเขากลับสังเกตเห็นความแปลกประหลาดน่าสงสัยปรากฏอยู่ทุกหนแห่ง ทั้งพื้นที่ห้อง บานประตู ช่องหน้าต่าง ห้องนอนเด็กไม่มีหน้าต่างสักบาน อย่างกับห้องคุมขังแน่ะ!
อันนี้แค่ส่วนแรกของบ้านหลังที่ 1 เพราะในเล่มยังมีบ้านประหลาดอีก 2 หลังรอให้เราได้ยลกัน แต่บ้านประหลาดทั้ง 3 หลังมีปริศนาบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมเกี่ยวพันกันอยู่
รวมๆ คืออ่านได้เร็วเพราะไม่เน้นบรรยาย อย่างที่บอกไปว่า 2 ชั่วโมงก็อ่านจบละ และที่สำคัญคือไม่งงกับแปลนบ้าน
เพราะเวลาพูดถึงพื้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่งในบ้านก็จะแทรกแปลนบริเวณนั้นๆ มาให้ด้วย ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาพลิกไปพลิกมาให้ยุ่งยากครับ
ข้อดีคือพล็อตแปลกใหม่ ปกติหนังสือแนวสยองขวัญไขคดีฆาตกรรมนั้นการเอาบ้านหน้าตาแปลกๆ มาใช้เป็นธีมหลักมันก็มีให้เห็นอยู่
แต่ที่อ่านๆ มาคือเน้นไปที่รูปทรงของบ้าน ไม่ใช่การเล่าผ่านแปลนแบบนี้ ผมเลยรู้สึกว่าตรงนี้มันสนุกดี
บรรยากาศในเรื่องก็น่าสนใจ ตอนที่ค่อยๆ พบพื้นที่ประหลาดที่หาคำตอบไม่ได้ว่ามันถูกสร้างมาเพื่ออะไรนั้นชวนให้ขนลุกดีเหมือนกัน
และคุณ "ฉัน" กับคุณคุริฮาระอาศัยพลังมโนได้แบบสุดขั้ว ผมคิดว่าคนปกติคงไม่มานั่งคิดหรอกว่าบ้านมันมีไว้เพื่อทำการฆาตกรรมหรือเปล่า 5555
แต่ข้อเสียคือเฉลยง่ายไปหน่อย ไม่ค่อยอิมแพ็ค และอาจจะรู้สึกว่าขาดความสมจริงไปนิดในหลายๆ จุด แบบว่าเอ๊ะจบแล้วเหรอ?
แต่นอกจากนั้นก็คือสนุกดี ผมชอบการเอาแปลนมาล้อไปกับเนื้อหานี่แหละ ให้เรามานั่งไล่พิจารณาไปว่าไอ้พื้นที่แปลกๆ ในบ้านนั่นมันมีไว้เพื่ออะไรกัน
เล่มนี้ขายดีมาก ขาดสต็อกในงานหนังสือบ่อยๆ ผมคิดว่าลูกเพจเราน่าจะสนใจ อีกอย่างอ่านจบได้เร็วไม่ต้องดอง ใครสนใจลองซื้อมาชิมลางก่อนได้ครับ
Tag :
“ได้วิวแม่น้ำ สวยขนาดนี้เลยรึนี่?!“ เป็นความรู้สึกของผมตอนที่ขึ้นไปชั้น 38 วิวสวยแบบไม่มีอะไรมาบดบังเลย มีมุมที่เห็นสวนเบญจกิติด้วย
สำหรับผมแล้ว BTS สถานี "ห้าแยกลาดพร้าว" เป็น สถานี Interchange กับ MRT ที่ผมชอบที่สุด และมักจะเป็นทำเลที่ผมแนะนำ ให้คนมาอยู่อาศัยมากที่สุดอันดับต้นๆเลย
มีความท้าทายเล็กๆ กับการเปลี่ยนอดีต ’สถานทูตออสเตรเลีย‘ ให้กลายมาเป็น ‘Luxury Condo’ และ ’Mixed-Use’ ระดับ ’iconic’ ริม ’ถนนสาทร‘
'เกือบหลับ แต่กลับมาได้' จะมีโครงการไหนกันเชียวที่จะเหมาะกับคำนี้ ถ้าไม่ใช่ 'Hyde Riverbay Charoennakorn' (ไฮด์ ริเวอร์เบย์ เจริญนคร)
โครงการใหม่ของ Major ที่แน่มาก แกร่งมาก เพราะไม่หวั่นไหวกับการต้องถูกขนาบข้างโดย Sansiri แบบรั้วชนรั้วเลย!
'dcondo calm Ramkhamhaeng 40' (ดีคอนโด คาล์ม รามคําแหง 40) ก็เป็นอีกโครงการที่ผมบอกเลยว่า คุณจะลืมภาพจำของแบรนด์ดีคอนโดแบบเดิมๆ ไปแทบหมดสิ้น เพราะโครงการนี้ เค้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้งสายสีส้มและสายสีเหลือง!!!
ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
ขออวดว่าผมได้รีวิวหนังสือเล่มนี้ก่อนหนหน้านี้แล้วด้วยนะ อิอิ แต่ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจรีวิวหรอก แต่เป็นคนอ่านหนังสือแล้วชอบ ‘Short Note’ ประโยคดีๆ คมๆ เก็บไว้ แต่ปรากฏว่ามันโดนบาดเยอะมาก จนสามารถเอามาลงในเพจได้เลย
ช่วงนี้ผมชอบเข้าไปดูงานออกแบบของ Foster + Partners บ่อยสุดๆ คือรู้สึกได้เลยว่าเราอินกับสไตล์การออกแบบของเค้ามากๆ ซึ่งถ้าใครไม่รู้ว่าเค้าคือใคร Foster + Partners คือบริษัทที่ออกแบบ Apple Store ตรงเซ็นทรัลเวิลด์ นั่นแหละครับ น่าจะพออ๋อกันขึ้นมาบ้างเนอะ
ยุคนี้ใครเค้าเที่ยวต่างประเทศกัน คนรวยเค้าเที่ยวนอกโลกครับ!
Apple Store นี่ไม่ว่าจะไปเปิดสาขาที่ไหน ก็สามารถกลายเป็นแลนด์มาร์คของที่นั้นๆ ได้ตลอด ล่าสุดเค้าเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย ไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งนี่เป็นสาขาแรกของมาเลเซีย
เดือน 7 กำลังจะผ่านพ้นอีกแล้วนะครับ ตอนนี้อากาศกำลังชุ่มฉ่ำแบบสุด ๆ ไปเลย ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณว่าดอกเบี้ยแบบคงที่เริ่มกลับมาแล้วนะ