นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า

 

        ภาพรวมการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ทั้งโครงการจัดสรรและคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทั้งปี 2559 คาดว่าจะมีประมาณ 94,000 ยูนิต นับเป็นอัตราการเปิดตัวโครงการใหม่ที่มีจำนวนไม่ถึง 100,000 ยูนิต ในรอบ 6-7 ปี

 

        จากที่ในทุกๆ ปีที่ผ่านมาจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่รวมเกินกว่า 100,000 ยูนิต โดยมีปัจจัยจากสถานการณ์เศรษฐกิจยังมีความผันผวน และในช่วงไตรมาส 4 นี้มีปัจจัยภายนอกที่เข้ามามีผลกระทบส่งผลให้ผู้ประกอบการชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ออกไป ขณะที่ผู้บริโภคก็ชะลอการตัดสินใจซื้อเพราะไม่มีอารมณ์จับจ่าย

 

        นายสัมมากล่าวว่า ในส่วนของ 9 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-กันยายน)

 

        ภาพรวมการเปิดตัวโครงการใหม่ในเขตกรุงเทพมหานคร-ปริมณฑล รวม 313 โครงการ จำนวน 71,000 ยูนิต ซึ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร เปิดโครงการใหม่รวม 215 โครงการ รวม 33,000 ยูนิต เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมามีการเปิดตัวโครงการใหม่ 209 โครงการ รวม 32,000 ยูนิต เติบโตเพิ่มขึ้น 3% ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าโครงการบ้านจัดสรรจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ประมาณ 42,000-43,000 ยูนิต

 

        ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมมีการเปิดตัวโครงการใหม่รวม 98 โครงการ รวม 37,200 ยูนิต เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมามีการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ 109 โครงการ รวม 44,900 ยูนิต ลดลง 17% อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีอัตราการเปิดตัวโครงการใหม่รวม 52,000-55,000 ยูนิต เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ 60,500 ยูนิต ส่วนภาพรวมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในปีนี้ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตได้ไม่มากนัก ซึ่งประเมินว่าจะอยู่ที่ประมาณ 590,000-600,000 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 580,0000 ล้านบาท

 

        นายสัมมากล่าวว่า อย่างไรก็ตามอยากให้จับตาอสังหาริมทรัพย์ในจีน เพราะคาดว่าฟองสบู่อสังหาฯจะแตก ซึ่งจะมีผลต่อจิตวิทยามายังไทยด้วย

 

        เพราะปัจจุบันมีผู้ประกอบการจีนจำนวนมากเข้ามาพัฒนาโครงการในประเทศไทย ทั้งที่มาลงทุนอย่างถูกต้องคือการร่วมทุนกับกลุ่มคนไทยและที่ลงทุนเองโดยใช้คนไทยเป็นนอมินี เพราะกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะขายให้กับนักท่องเที่ยวจีนหรือคนจีน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะทำให้โครงการที่จะพัฒนาในประเทศไทยก็อาจจะหยุดชะงัก หรือหากสร้างเสร็จแล้วก็อาจจะไม่มีคนอยู่อาศัยกลายเป็นตึกร้าง

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ