ยอมรับนะว่า “ฮวงจุ้ย” กับ “บ้าน” นี่เป็นของคู่กัน แต่สำหรับ “ME~I Avenue Srinakarin" บ้านเดี่ยวโครงการนี้บอกเลยว่าสุดจริง ๆ เคร่งฮวยจุ้ยระดับเซนติเมตร!!!
เพราะตั้งแต่งานเปิดตัวที่ได้ฟังเค้าเล่า ผมขอยกให้เป็นที่หนึ่งในโครงการที่เคร่งเรื่องฮวยจุ้ยที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมาของผมเลยนะ ระดับเซนติเมตรก็ไม่ให้พลาดอ่ะคิดดู 5555
ทั้งนี้ก็เพราะ “ME~I Avenue Srinakarin" (เมอิ อเวนิว ศรีนครินทร์) เป็นโครงการที่พัฒนาโดย ชินวะ เรียล เอสเตท (ไทยแลนด์) กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากโอซาก้านู่น
พวกนวัตรกรรม และเทคโนโลยีการก่อสร้างต่าง ๆ นอกจากจะมาจากฝั่งญี่ปุ่นแล้ว เรื่อวัฒนาธรรมอย่างศาสตร์ฮวงจุ้ยก็เลยต้องคิดและจัดเต็มาให้ไม่แพ้กัน
โดยโครงการตั้งใจออกแบบให่เป็นบ้านหรูสไตล์ Japanese Modern ที่ชูจุดเด่นนำ “อินโนเวชั่น” มาผสมผสานกับ “ฮวงจุ้ย” วิชาเต๋า-เหมาซานทุกหลัง
พอมาตั้งอยู่บนทำเลที่ดี เชื่อว่าการได้อยู่บ้านในโครงการนี้จะต้องเป็นที่ชื่นชอบของเศรษฐีกลุ่มนิชมาร์เก็ตระดับไฮเอนด์ตามที่เค้าวางทาร์เก็ตไว้นั่นเองครับ
มารู้จักโครงการกัน
โครงการเมอิ อเวนิว ศรีนครินทร์ ตั้งอยู่บนเนื้อที่เกือบ 1 ไร่ ทำเลเรียกได้ว่าดีมาก เพราะอยู่ติดกับห้างพาราไดซ์ ปาร์ค เหมือนมีห้างเป็นส่วนกลาง แต่นี่ได้บ้านไม่ใช่คอนโดด้วยนะ
ด้วยความที่ทำเลดีเนี่ยแหละ ทำให้เดิมทีเค้ามีแผนจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมขนาด 100 ยูนิต เจาะกลุ่มวัยเพิ่งเริ่มทำงาน แบบคอนโดนิวเจนเดินทางง่าย ปากท้องสะดวกงี้
แต่เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย ประกอบกับกลุ่มคนที่อยู่อาศัยในทำเลดังกล่าวมันไม่ใช่เป้าหมายเดิมอย่างที่คิดไว้ โซนนั้นมีกลุ่มคนฐานะดี มีรายได้สูงเยอะพอควรเลย
ไม่ว่าจะกลุ่มเจ้าของธุรกิจที่แต่งงานแยกครอบครัวใหม่ แต่ต้องการอาศัยใกล้ครอบครัวเดิมหรือใกล้พ่อแม่ หรือกลุ่มคนที่อยากมีบ้านเดี่ยวทำเลดีอย่างโซนนี้ก็ตาม
ทางชินวะฯ เค้าเลยปรับแผนพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ บ้านเดี่ยว 4 ชั้น แต่ละหลังตั้งอยู่บนเนื้อที่ 46.4-49.6 ตารางวา มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 531-524 ตารางเมตร
โดยมาภายใต้คอนเซ็ปต์ “อเวนิว” ซึ่งทั้ง 5 หลัง สามารถปรับเปลี่ยนเป็น Private Empire ได้ สร้างสรรค์พื้นที่สำหรับทุกคนในครอบครัว แบ่งโซนทำงานและอยู่อาศัย
ซึ่งแม้จะปรับฟังก์ชั่นภายในบ้านยังไง ตัวบ้านก็ยังคงความเป็นส่วนตัว และเป็นสัดส่วน ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มเจ้าของธุรกิจและกลุ่มครอบครัวขยายอย่าแน่นอนครับ
ส่วนเรื่องค่าตัวนั้น ME-I Avenue จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 39.8 ล้านบาท ซึ่งทั้งโครงการก็มีเพียง 5 หลังเท่านั้นนะ ถ้าใครที่เป็นครอบครัวใหญ่นี่ก็เหมาเป็นชุมชนของครอบครัวได้เลย
งานออกแบบดีไซน์ในสไตล์ Japanese Modern
กลับมาสู่จุดขายที่ผมปลื้มปริ่มมากที่สุดของโครงการนี้กันครับ ทางโครงการให้ความสำคัญกับงานออกแบบดีไซน์ในสไตล์ Japanese Modern มาแบบลงตัว
โดยมีการผสมผสานระหว่าง “อินโนเวชั่น” เข้ากับศาสตร์ “ฮวงจุ้ย” วิชาเต๋า-เหมาซานลงในบ้านทุกหลัง เพื่อตอบทุกความต้องการของการอยู่อาศัย ที่สังเกตได้หลัก ๆ ก็คือ
ส่วนเรื่องฮวงจุ้ยแบบเจาะลึกนั้นผมเองได้ได้เชี่ยวชาญมาก กลัวพูดไปเดี๋ยวจะให้ข้อมูลผิด ๆ แต่ถ้าลองไปเยี่ยมชมโครงการแล้วลองสอบถามเค้าดูได้เลย เค้าดูกันตั้งแต่ภายนอกยันภายในโครงการเลยนะ
อย่างที่ผมจำได้คือบันไดนี่นับขั้น วัดเซนกันแบบจริงจัง มุมห้อง ตำแหน่งแต่ละฟังก์ชั้นก็ก็คิดมาหมดแล้วว่าเข้ากับหลัก ดิน น้ำ ลม ไฟ ให้บ้านมีความสมดุลสูงสุด คิดมาแบบริงจังมาก!!!
ตัวบ้านล่ะเป็นไง
อย่างที่บอกไปอีกแหละครับว่าทั้งโครงการมีเพียง 5 หลัง ทำให้ตัวแบบบ้านมีให้เลือกเพียง 2 แบบเท่านั้น ซึ่งฟังก์ชันทั้งหมดจะคล้ายกันเลย ต่างแค่ขนาดพื้นที่ใช้สอยนิดหน่อยครับ
โดย TYPE A มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 531 ตารางเมตร และ TYPE B มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 524 ตารางเมตร ภายในมี 4-5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ จอดรถได้ 3 คัน เหมือนกันครับ
TYPE A : บ้านเดี่ยว 4 ชั้น + Rooftop พื้นที่ใช้สอย 531 ตร.ม. (Runesu Space 33 ตร.ม.)
TYPE B : บ้านเดี่ยว 4 ชั้น + Rooftop พื้นที่ใช้สอย 524 ตร.ม. (Runesu Space 42 ตร.ม.)
จุดที่น่าสนใจภายในอย่างแรกเลยคือ “วัสดุ” ตั้งแต่ก้าวแรกเลยมองเห็นได้ถึงวัสดุที่มีคุณภาพ แต่ละจุดเลือกชนิด โทนสี และประเภทของวัสดุมาผสมผสานกันอย่างลงตัว
อีกอย่างคือนวัตกรรมพื้นที่ใช้สอยต่าง ๆ เช่นบริเวณห้องชั้นสองที่เราสามารถดัดแปลงเป็นโฮมออฟฟิศได้นั้น เค้ามีการฝังจุดติดตั้งปลั๊กไฟและสายไฟเผื่อไว้ให้เลยด้วย ไม่ต้องมาทำรางปลั๊กหรือโยงปลั๊กพ่วงให้เหนื่อยใจ
และพีคสุดตรงพื้นบ้านที่เรามองเห็นเป็นพื้นเรียบธรรมดานั้น แท้จริงเค้าทำฟังก์ชั้นเป็น ‘ห้องเก็บของลับ’ ด้วยนะ เราสามารถเปิดพื้นเพื่อลงไปเก็ยของได้ อันนี้ชอบมาก
มันดูเป็นญึ่ปุ๋นจ๋าดีนะ เคยดูแต่ก่อนพวกทีวีแชมป์เปี้ยนที่แต่งบ้านให้เก็ยของได้เยอะ ๆ ไรงี้ ที่นี่เป็นแบบนั้นเลย เค้าจัดทุกพื้นที่ว่างภายในบ้านให้เกิดประโยชน์ได้จริง ๆ
บ้านที่ใช่สายนิชมาร์เก็ตต้องโดน
สรุปเลยแล้วกันว่าถ้ามามีเงินเหลือ ๆ “ผมซื้อ” มันเป็นความชอบที่รู้สึกได้ตอนไปเดินชมว่าถ้าเราได้อยู่ที่นี่น่าจะมีความสุข แต่ก็นั่นแหละ ผมยังไม่ใช่กลุ่มทาร์เก็ตเค้า 55555
“ME~I Avenue Srinakarin” เป็นโครงการที่ไม่ใหญ่ เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ซึ่งก็เป็นอีกโอกาสท่ามกลางวิกฤติของปัญหาอสังหาที่มีอยู่ตอนนี้
ใครที่กำลังมองหาบ้านโซนศรีนครินทร์ ทำเลดี เดินจากบ้านไปห้างได้ในเวลาไม่กี่นาที โครงการนี้เป็นอีกโครงการนี้เป็นอีกโครงการที่ผมเชียร์และอยากให้ลองไปเยี่ยมชมกันดู
เอาจริงผมอยากเล่าเรื่องฮวงจุ้ยมากกว่านี้ แต่เดี๋ยวจะให้ข้อมูลโครงการเค้าผิดซะเปล่า ๆ ใครที่สนใจลองไปเยี่ยมชมแล้วให้ทางโครงการเล่าให้ฟังดูกันได้ เค้าคิดมาดีมากจริง ๆ ครับ
Tag : ME~I Avenue Srinakarin | บ้านเดี่ยวสไตล์ญี่ปุ่น | ฮวงจุ้ย
“ได้วิวแม่น้ำ สวยขนาดนี้เลยรึนี่?!“ เป็นความรู้สึกของผมตอนที่ขึ้นไปชั้น 38 วิวสวยแบบไม่มีอะไรมาบดบังเลย มีมุมที่เห็นสวนเบญจกิติด้วย
สำหรับผมแล้ว BTS สถานี "ห้าแยกลาดพร้าว" เป็น สถานี Interchange กับ MRT ที่ผมชอบที่สุด และมักจะเป็นทำเลที่ผมแนะนำ ให้คนมาอยู่อาศัยมากที่สุดอันดับต้นๆเลย
มีความท้าทายเล็กๆ กับการเปลี่ยนอดีต ’สถานทูตออสเตรเลีย‘ ให้กลายมาเป็น ‘Luxury Condo’ และ ’Mixed-Use’ ระดับ ’iconic’ ริม ’ถนนสาทร‘
'เกือบหลับ แต่กลับมาได้' จะมีโครงการไหนกันเชียวที่จะเหมาะกับคำนี้ ถ้าไม่ใช่ 'Hyde Riverbay Charoennakorn' (ไฮด์ ริเวอร์เบย์ เจริญนคร)
โครงการใหม่ของ Major ที่แน่มาก แกร่งมาก เพราะไม่หวั่นไหวกับการต้องถูกขนาบข้างโดย Sansiri แบบรั้วชนรั้วเลย!
'dcondo calm Ramkhamhaeng 40' (ดีคอนโด คาล์ม รามคําแหง 40) ก็เป็นอีกโครงการที่ผมบอกเลยว่า คุณจะลืมภาพจำของแบรนด์ดีคอนโดแบบเดิมๆ ไปแทบหมดสิ้น เพราะโครงการนี้ เค้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้งสายสีส้มและสายสีเหลือง!!!
ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
ขออวดว่าผมได้รีวิวหนังสือเล่มนี้ก่อนหนหน้านี้แล้วด้วยนะ อิอิ แต่ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจรีวิวหรอก แต่เป็นคนอ่านหนังสือแล้วชอบ ‘Short Note’ ประโยคดีๆ คมๆ เก็บไว้ แต่ปรากฏว่ามันโดนบาดเยอะมาก จนสามารถเอามาลงในเพจได้เลย
ช่วงนี้ผมชอบเข้าไปดูงานออกแบบของ Foster + Partners บ่อยสุดๆ คือรู้สึกได้เลยว่าเราอินกับสไตล์การออกแบบของเค้ามากๆ ซึ่งถ้าใครไม่รู้ว่าเค้าคือใคร Foster + Partners คือบริษัทที่ออกแบบ Apple Store ตรงเซ็นทรัลเวิลด์ นั่นแหละครับ น่าจะพออ๋อกันขึ้นมาบ้างเนอะ
ยุคนี้ใครเค้าเที่ยวต่างประเทศกัน คนรวยเค้าเที่ยวนอกโลกครับ!
Apple Store นี่ไม่ว่าจะไปเปิดสาขาที่ไหน ก็สามารถกลายเป็นแลนด์มาร์คของที่นั้นๆ ได้ตลอด ล่าสุดเค้าเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย ไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งนี่เป็นสาขาแรกของมาเลเซีย
เดือน 7 กำลังจะผ่านพ้นอีกแล้วนะครับ ตอนนี้อากาศกำลังชุ่มฉ่ำแบบสุด ๆ ไปเลย ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณว่าดอกเบี้ยแบบคงที่เริ่มกลับมาแล้วนะ