“สัมมากร” พลิกกลยุทธ์สร้างธุรกิจคอมมูนิตี้เสริมฐานรายได้ ทุ่มงบ 30 ล้านบาท รีแบรนด์ “เพียวเพลส” เป็น “สัมมากร เพลส” หวังสัดส่วนรายได้เพิ่มอีก 10% ต่อปี คาดปี 59 กวาดรายได้ 150-160 ล้านบาท เผยอนาคตมีแผนรับบริหารโครงการคอมมูนิตี้มอลล์
นายณพน เจนธรรมนุกูล ผู้จัดการทั่วไปสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันบริษัทมีการพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์ ภายใต้แบรนด์ “สัมมากร เพียวเพลส” จำนวน 3 สาขา ได้แก่ สาขารามคำแหง 110 สาขารังสิต คลอง 2 และสาขาราชพฤกษ์ มาเป็นเวลา 7 ปี ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกบ้านของสัมมากรและผู้พักอาศัยในพื้นที่ใกล้เคียงมาโดยตลอด
กระทั่งเมื่อช่วงไตรมาส 1 ปี2559 บริษัทได้รับโอนอาคารศูนย์การค้า พรีเมียร์ สัมมากร รามคําแหง 110 จำนวน 9,000 ตารางเมตร ซึ่งเป็นสาขาที่ครบกำหนดสัญญาเช่า บริษัทจึงมีแนวคิดที่จะปรับรูปลักษณ์ทั้งหมด พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น “สัมมากร เพลส” เพื่อสร้างการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคอมมูนิตี้มอลล์และลูกบ้านของสัมมากร ด้วยหวังให้คอมมูนิตี้มอลล์เหล่านั้นเปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของหมู่บ้านที่ลูกบ้านสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ได้
เบื้องต้นจะปรับปรุงสาขารามคำแหง 110 ก่อน ในงบประมาณ 15 ล้านบาท สำหรับสาขาราชพฤกษ์จะใช้งบ 10 ล้านบาท ที่เหลือ 5 ล้านบาท จะนำไปปรับปรุงสาขารังสิต คลอง 2 รวม 3 สาขาเป็นงบประมาณรวม 30 ล้านบาท สำหรับสาขารามคำแหง 110 หลังปรับปรุงใหม่มีพื้นที่ขายเพิ่ม รวม 1.8 หมื่นตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตประมาณ 30% ร้านอาหาร 20% พื้นที่สำนักงานให้เช่า 20% ที่เหลือเป็นพื้นที่เช่าอื่นๆโดยหลังการปรับปรุงแล้วเสร็จพื้นที่ร้านอาหารจะปรับเพิ่มเป็น 30% ปัจจุบันศูนย์ดังกล่าวมีความคืบหน้าด้านการปรับปรุงอยู่ที่ประมาณ 40%
นอกจากการปรับปรุงตัวคอมมูลนิตี้มอลล์แล้ว บริษัทยังมีการปรับโครงสร้างภายในใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการทำงาน ด้วยการยุบ บริษัท เพียว สัมมากร ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งดูแลเรื่องของพื้นที่เช่าทั้งหมด ให้อยู่ภายใต้ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) เท่านั้น โดยบุคลากรทั้งหมดจะถูกรวมกับบริษัทแม่ ทั้งนี้เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
รวมทั้งการปรับกลยุทธ์การทำตลาดใหม่ จากเดิมบริษัทมุ่งเน้นทำการตลาดแบบปิด คือ ส่งจดหมายถึงลูกบ้านเกี่ยวกับกิจกรรมของคอมมูนิตี้มอลล์ มาเป็นการแจกใบปลิวตามสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก เช่น ในมอลล์หรือร้านอาหารดังๆ ภายในมอลล์รวมถึงรูปแบบการจัดกิจกรรมที่เดิม จัดตามประเพณีมาเป็นการจัดกิจกรรมทุกเดือน กระจายทุกมอลล์ จากเดิมจะเน้นจัดที่รามคำแหงเท่านั้น เพราะมีพื้นที่ขายขนาดใหญ่ เพื่อสร้างความเคลื่อนไหวให้กับมอลล์ แจก
ทั้งนี้ คาดว่าหากมีการปรับปรุงโครงการและรีแบรนด์ใหม่ทั้งหมด จะช่วยให้อัตราค่าเช่าปรับเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 300 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือนเป็น 500 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน สำหรับรายได้จากค่าเช่าในปี 2558 อยู่ที่ 145 ล้านบาท โดยในครึ่งแรกปี 2559 บริษัทมีรายได้จากค่าเช่าที่ 78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 70 ล้านบาท ดังนั้นจึงคาดการณ์ได้ว่า ณ สิ้นปี 2559 บริษัทจะมีรายได้จากค่าเช่าที่ประมาณ 150-160 ล้านบาท ในส่วนของอัตราการเติบโตบริษัทตั้งเป้าเติบโตที่ประมาณ 10-15% ต่อปี และในอนาคตบริษัทมีแผนจะรับจ้างบริหารคอมมูนิตี้มอลล์อื่นๆ เพิ่ม
“ธุรกิจเพื่อเช่าอย่างรีเทลมีโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าการแข่งขันในปัจจุบันจะมีค่อนข้างสูง เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ในสัดส่วนคงที่ สามารถหล่อเลี้ยงบริษัทได้ แม้ว่าตลาดอสังหาฯจะอยู่ในสภาวะไม่ดีก็ตาม ดังนั้นธุรกิจนี้จึงถือเป็นการกระจายความเสี่ยงของบริษัทได้เป็นอย่างดี”นายณพน กล่าว