บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ เผยผลประกอบการไตรมาส 3 ประจำปี 2559 รายได้รวม 4,550 ล้านบาท เติบโต 5% ส่งผลให้มีรายได้รวมสะสม 9 เดือน 15,326 ล้านบาท เติบโต 19% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาส 3/59 มีกำไรสุทธิ 768 ล้านบาท เติบโต 35% และมีกำไรรวมสะสม 9 เดือน 2,407 ล้านบาท เติบโต 33% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
ในไตรมาส 3/2559 บริษัทฯยังคงสร้างผลการดำเนินงานได้ในทิศทางที่ดีและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 4,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 204 ล้านบาท หรือเติบโต 5% จากไตรมาสเดียวกันของปี 2558
ทั้งนี้แบ่งเป็น รายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดินและคอนโดมิเนียม 4,200 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 183 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5 % จากไตรมาสเดียวกันของปี 2558) รายได้จากค่าเช่าและค่าบริการ 310 ล้านบาท และรายได้อื่นอีก 40 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 768 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 198 ล้านบาท หรือเติบโต 35% จากไตรมาสเดียวกันของปี 2558
สำหรับรายได้รวมสะสม 9 เดือนแรก ปี 2559 นั้น บริษัทฯมีรายได้รวม 15,326 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,421 ล้านบาท หรือเติบโต 19% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น รายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดินและคอนโดมิเนียม 14,313 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2,415 ล้านบาท หรือเติบโต 20%) รายได้จากค่าเช่าและค่าบริการ 889 ล้านบาท และรายได้อื่นอีก 124 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 2,407 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 604 ล้านบาท หรือเติบโต 33% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2558
“ปัจจัยที่ทำให้รายได้สะสมตลอด 9 เดือนที่ผ่านมาเติบโต ถึง 19% เนื่องมาจาก การนำนโยบายด้านนวัตกรรมมาพัฒนาสินค้าทุกเซกเมนต์ ทั้งการออกแบบบ้านรุ่นใหม่สู่ตลาด สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันในโครงการภายใต้แนวคิดใหม่ อาทิ สวนสาธารณะ พร้อม Jogging Track ลู่วิ่งออกกำลังกาย และ Bike Lane ช่องทางสำหรับปั่นจักรยาน, คลับเฮ้าส์, ฟิตเนส, สระว่ายน้ำ, Co-Working Space มุมทำงานเพื่อการสร้างสรรค์ไอเดียใหม่, ห้องสมุด, มุมพักผ่อน สำหรับโครงการเปิดใหม่ และโครงการปัจจุบัน ที่ยังได้ปรับสภาพแวดล้อมในโครงการด้วย เพื่อให้ทันสมัยและตอบรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ยิ่งขึ้น จึงทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีมากขึ้น
และอีกปัจจัยสำคัญคือ การบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพในทุกๆด้าน ทั้งค่าใช้จ่ายด้านการขายและบริหาร ซึ่งรวมถึงการเลือกใช้สื่อโฆษณา โดยเน้นสื่อออนไลน์ และโซเชียลมีเดียที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ในวงกว้าง เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ และมีต้นทุนที่คุ้มค่ากว่าสื่อแบบเดิมมาก จากปัจจัยทั้งหมดจึงทำให้บริษัทฯสามารถสร้างสัดส่วนกำไรต่อรายได้ได้เพิ่มขึ้น
“ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 บริษัทฯและบริษัทย่อยได้เปิดขายโครงการใหม่ รวม 8 โครงการ มูลค่ารวม 9,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการบ้านเดี่ยว จำนวน 4 โครงการ (ได้แก่ วรารมย์ พรีเมี่ยม แก้วนวรัฐ (เชียงใหม่), คาซ่า วิลล์ รามอินทรา-วงแหวน 2, คาซ่า วิลล์ รามคำแหง- วงแหวน 2 และเดอะทรัสต์ วิลล์ ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์) และโครงการทาวน์โฮมระดับ พรีเมี่ยม จำนวน 4 โครงการ (ได้แก่ คาซ่า ซิตี้ วงแหวน-ลำลูกกา 2, คาซ่า ซิตี้ ดอนเมือง-ศรีสมาน, คาซ่า ซิตี้ กัลปพฤกษ์-สาทร และกัสโต้ เพชรเกษม-ทวีวัฒนา)
ซึ่งทุกโครงการยังได้รับการตอบรับจากลูกค้า ที่ดี แม้ว่าในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาจะมีชะลอตัวไปบ้างเนื่องจากบรรยากาศภาพรวมของประเทศ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะเริ่มกลับมาคึกคักตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน 2559 นี้ รวมทั้งบริษัทฯเองก็จะมีการส่งเสริมการขายช่วงโค้งสุดท้ายที่เป็นโอกาสดีของลูกค้าที่กำลังตัดสินใจซื้อ ที่อยู่อาศัยของบริษัทฯในปีนี้ จะได้สิทธิประโยชน์ทั้งจากแคมเปญกระตุ้นยอดขาย และราคาสินค้าที่ยังไม่ปรับขึ้น” นายชัชชาติกล่าว
สำหรับแผนงานในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 บริษัทฯมีแผนเปิดตัว โครงการใหม่ อีกจำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1,500 ล้านบาท โดยเป็นโครงการทาวน์โฮมระดับพรีเมี่ยม คือ โครงการคาซ่า ซิตี้ กิ่งแก้ว-สุวรรณภูมิ และกัสโต้ ราชพฤกษ์-พระราม 5 ซึ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ ที่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตคุณภาพ ในระดับราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้