จะหาที่อยู่อาศัยทั้งที “เช่าหรือซื้อ” แบบไหนดีกว่ากันนะ?
เป็นคำถามที่ตอบยากมาก เพราะมันมีหลายปัจจัยที่เราต้องมาพิจารณา จะซื้อหรือจะเช่ามันแล้วแต่วัตถุประสงค์และมุมมองของแต่ละคน
คนส่วนใหญ่มักมองว่า “การเช่า” คือการเสียเงินเปล่าให้ผู้อื่น การจ่ายค่าเช่าไม่ใช่การลงทุน เพราะเมื่อเราหมดสัญญาเช่าเราก็ไม่ได้อะไรเลย
vแต่ถ้านำเงินส่วนนั้นไปซื้อบ้านสักหลัง เมื่อเวลาผ่านไปแล้วเราก็สามารถมีทรัพย์สินเป็นของตัวเองได้ ถือเป็นการลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าในอนาคต
ฟังดูแล้วก็ใช่...
แต่อย่าลืมครับว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเงินก้อนพอจะซื้อบ้านได้ หรือแม้แต่การจะทำเรื่องกับธนาคารเพื่อซื้อ บางคนก็ยังไม่มีความมั่นใจพอว่าจะสามารถส่งให้ครบจนหมด
เพราะอย่าลืมว่าถ้าเราตัดสินใจกู้เงินจากธนาคารเพื่อมาลงทุนซื้อบ้านนั้น มันไม่ได้จบไวอย่างที่เราคิด อาจใช้เวลายาวนาน 15-30 ปีกันเลยทีเดียว
โดยถ้าเราเลือกบ้านที่ถูกใจตามความต้องการทุกอย่าง ค่าตัวบ้านก็จะมีมูลค่าสูงตามไปด้วย ส่งผลให้เผลอ ๆ แล้วค่าส่งบ้านรายเดือนแพงกว่าค่าเช่าบ้านไปอีก
แต่จ่ายแพงกว่าก็ยังได้บ้านเป็นของตัวเอง...
ถ้าคิดอย่างนั้นก็ไม่ผิด เพราะเราก็ได้บ้านเป็นของตัวเองจริง ๆ แต่อย่าลืมว่าคนเราไม่ได้อยู่บ้านหลังเดียวไปตลอด อาจมีปัจจัยให้เราโยกย้ายในอนาคตก็ได้
หรือแม้ว่าเราจะอยู่ที่เดิมได้ แต่อนาคตครอบครัวเราก็อาจจะขยายมากขึ้น และต้องการบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นก็ได้เช่นกัน
เมื่อคิดอย่างนี้แล้วก็ยังคงเป็นปัญหาที่เราตัดสินใจกันลำบากอยู่ดี เพราะงั้นวันนี้ผมจะพาเพื่อน ๆ ไปวิเคราะห์กันครับว่าสรุปแล้วแบบไหนมันคุ้มค่ากว่ากันนะ
ยิ่งทำเลดียิ่งมีราคาสูง
สมัยนี้ต้องยอมรับว่าที่อยู่อาศัยในเมือง โดยเฉพาะในกรุงเทพมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก เพราะเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตและเป็นแหล่งงานจำนวนมาก
ผลก็คือตลาดที่อยู่อาศัยก็มีการเติบโตไปด้วย แน่นอนครับว่ายิ่งทำเลทองหรือใกล้ตลาดแรงงานมากเท่าไหร่ มูลค่าอสังหาทำเลนั้นก็จะมีราคาสูงขึ้นตามความต้องการไปอีก
ยกตัวอย่างเช่นย่านเพลินจิด ถ้าคอนโดอยู่ใกล้บริเวณสถานีจะมีราคาซื้ออยู่ที่ 4.29-6.8 ล้านบาทต่อห้อง แต่ถ้าเช่าในบริเวณใกล้เคียงกันจะเริ่มต้นอยู่ที่ 13,900 บาทต่อเดือนขึ้นไป
คำตอบอยู่ที่การวางแผนอนาคต
ถ้าถามผมว่าคำตอบของปัญหาว่าเราจะเช่าหรือจะซื้อนั้นคืออะไร ผมค่ดว่ามันคือ “คุณวางแผนอนาคตไว้แบบไหน?”
ฟังดูแล้วอาจจะเหมือนผมกวนที่ตอบคำถามด้วยคำถาม แต่คำตอบมันขึ้นอยู่กับอนาคตที่คุณวางแผนตัวเองไว้จริง ๆ นะ
เพราะถ้าเพื่อน ๆ เริ่มทำงานและตั้งเป้าหมายว่าทำงานในเมือง การตัดสินใจจะซื้อบ้านด้วยตัวคนเดียงก็อาจจะเป็นเรื่องยากในตอนนี้
ขณะเดียวกันถ้าลองมองหาที่อยู่อาศัยปล่อยเช่า ซึ่งในตอนนี้ในตลาดมีให้เลือกหลายระดับ หลายราคา ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น
สิ่งนี้แหละคือข้อดีของการเช่าเพราะเราสามารถเลือกตามระดับราคาที่เราคิดว่าเหมาะสมกับภาระค่าใช้จ่ายที่เราจ่ายไหวได้
รวมถึงเราไม่สามารถรู้อนาคตตัวเองได้อีกว่าเราจะทำงานที่ย่านนี้ไปอีกนานแค่ไหน อนาคตจะมีครอบครัวหรือไม่ การเช่าที่อยู่อาศัยเพื่อสะสมหลักทรัพย์ไปก่อนก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีครับ
แต่ถ้าเพื่อน ๆ อยู่ในจุดที่วางแผนอนาคตไว้ชัดเจนแล้ว เตรียมตัวตั้งหลักปักฐานและอยากมีทรัพย์สินถือครองในมือ การตัดสินใจซื้อก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดี
เพราะการมีทรัพย์สินในครอบครองก็มีประโยช์ที่ช่วยให้เราสามารถวางแผนอนาคตต่อไปได้ดีขึ้นด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นการนำดอกเบี้ยที่กู้ธนาคารไปลดหย่อนภาษี
หรือถ้าในอนาคตเราเกิดการย้านถิ่นฐานที่อยู่อาศัยขึ้นมาจริง ๆ เราก็สามารถขายบ้านเพื่องเราสินทรัพย์นี้ไปต่อทุนให้กับบ้านหลังใหม่ของเราก็ยังไง
พร้อมมีภาระผูกพันทางการเงินมากแค่ไหน?
สิ่งสำคัญที่สุดของการตัดสินใจในครั้งนี้ก็คือตัวเราเองเนี่ยแหละครับว่าเรามีความพร้อมมากแค่ไหน เพราะการเป็น “หนี้ก้อนใหญ่” ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะ
โดยขั้นตอนการซื้อบ้านนั้นเราเองก็ต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนอื่น ๆ ที่เราต้องเสียด้วย ตั้งแต่เงินดาวน์ การผ่อนชำระรายเดือน ค่าดอกเบี้ยธนาคารต่าง ๆ
รวมถึงความเสื่อมสภาพของบ้าน ค่าดูแลรักษาตลอดอายุการใช้งาน รวมถึงถ้าเราต่อเติม ตกแต่งบ้านเพิ่มเติมก็จะมีค่าใช้จ่ายที่เราต้องเสียเพิ่มอีกด้วย
เพราะฉนั้นแล้วถ้าตัดสินใจจะมีบ้านจริง ๆ ผมก็อยากแนะนำให้เพื่อน ๆ เช็คความมั่นใจกับตัวเองก่อนว่าตัวเองมีรายได้ที่มากพอ และมีความสามารถในการผ่อนชำระไปจนตลอดรอดฝั่ง
นอกจากนั้นก็ยังควรมีเงินสำรองสำหรับเหตุการณืฉุกเฉิน ทั้งค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับตัวบ้านเอง และค่าใช้จ่ายในชีวิตส่วนอื่น ๆ ด้วย
เพราะนอกจากค่าใช้จ่ายที่ผมบอกไปแล้ว เชื่อว่ายังไง “รายจ่าย” ก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นในทุก ๆ มิติชีวิตของเพื่อน ๆ แน่นอน ต้องวางแผนให้ดี ๆ ครับ
สรุป
ส่วนตัวแล้วถ้าใครมีความพร้อม ผมเองก็อยากแนะนำให้มองการลงทุนซื้อบ้านหรืออสังหาสักหลัง เป็นการลงทุนที่เราหวังผลได้ในอนาคตนะ
แม้ว่าตลอดระยะเวลาที่เราต้องทำการผ่อนชำระกับธนาคารนั้นจะเป็นช่วยเวลาที่ยาวนาน และต้องใช้ความอดทนสูงมากก็ตาม
แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เราจะได้มาก็คือที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ถือเป็นทรัพย์สินที่เราสามารถเก็บไว้ลงทุนหรือส่งต่อให้รุ่นลูกหลายของเราได้ครับ
โดยสรุปแล้วแม้ว่าบางทีค่าใช้จ่ายในการเช่า และค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระกับธนาคารอาจจะมีจำเงินเงินที่ต้องจ่ายรายเดือนไม่ต่างกันมาก
แต่สิ่งที่ต่างกันและสำคัญมากที่สุดก็คือภาระผูกพันทางการเงินที่เราต้องแบกรับไว้นั่นเอง และการเช่าจะทำให้เรามีอิสระทางการเงินมากกว่าแน่นอน
เพราะงั้นถ้าใครที่ยังมีรายได้ไม่สูงมาก ผมว่าการเช่าที่อยู่อาศัยก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ เพราะเราสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของตัวเราเอง
สรุปก็คือ “เช่าหรือซื้อ” อันไหนคุ้มค่ากว่ากันผมเองไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ เพราะคนที่จะรู้ว่าทางเลือกไหนเหมาะคือตัวเพือน ๆ เอง
เพราะท้ายที่สุดแล้วการเลือกที่อยู่อาศัยต้องพิจารณาจากเงื่อนไขการใช้ชีวิต รวมถึงข้อจำกัดของแต่ละคน ที่เพื่อน ๆ ต้องลองมองอนาคตของตัวเองกันดูครับ
แต่ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะเลือกซื้อหรือเช่า สิ่งที่ผมอยากให้คำนึงถึงก่อนอื่นเลยก็คือเพื่อน ๆ มีรายได้ที่เพียงพอจะใช้เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับที่อยู่อาศัยมากแค่ไหน
และที่สำคัญคือมีความพร้อมที่จะแบกรับภาระและความเสี่ยงที่จะตามมาหรือไม่ การซื้อบ้านไม่ใช่เรื่องยากเกินไป ถ้าเรามีการวางแผนที่ดีไว้ล่วงหน้า เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่อยากมีบ้านนะครับ :)
Tag :
“ได้วิวแม่น้ำ สวยขนาดนี้เลยรึนี่?!“ เป็นความรู้สึกของผมตอนที่ขึ้นไปชั้น 38 วิวสวยแบบไม่มีอะไรมาบดบังเลย มีมุมที่เห็นสวนเบญจกิติด้วย
สำหรับผมแล้ว BTS สถานี "ห้าแยกลาดพร้าว" เป็น สถานี Interchange กับ MRT ที่ผมชอบที่สุด และมักจะเป็นทำเลที่ผมแนะนำ ให้คนมาอยู่อาศัยมากที่สุดอันดับต้นๆเลย
มีความท้าทายเล็กๆ กับการเปลี่ยนอดีต ’สถานทูตออสเตรเลีย‘ ให้กลายมาเป็น ‘Luxury Condo’ และ ’Mixed-Use’ ระดับ ’iconic’ ริม ’ถนนสาทร‘
'เกือบหลับ แต่กลับมาได้' จะมีโครงการไหนกันเชียวที่จะเหมาะกับคำนี้ ถ้าไม่ใช่ 'Hyde Riverbay Charoennakorn' (ไฮด์ ริเวอร์เบย์ เจริญนคร)
โครงการใหม่ของ Major ที่แน่มาก แกร่งมาก เพราะไม่หวั่นไหวกับการต้องถูกขนาบข้างโดย Sansiri แบบรั้วชนรั้วเลย!
'dcondo calm Ramkhamhaeng 40' (ดีคอนโด คาล์ม รามคําแหง 40) ก็เป็นอีกโครงการที่ผมบอกเลยว่า คุณจะลืมภาพจำของแบรนด์ดีคอนโดแบบเดิมๆ ไปแทบหมดสิ้น เพราะโครงการนี้ เค้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้งสายสีส้มและสายสีเหลือง!!!
ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
ขออวดว่าผมได้รีวิวหนังสือเล่มนี้ก่อนหนหน้านี้แล้วด้วยนะ อิอิ แต่ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจรีวิวหรอก แต่เป็นคนอ่านหนังสือแล้วชอบ ‘Short Note’ ประโยคดีๆ คมๆ เก็บไว้ แต่ปรากฏว่ามันโดนบาดเยอะมาก จนสามารถเอามาลงในเพจได้เลย
ช่วงนี้ผมชอบเข้าไปดูงานออกแบบของ Foster + Partners บ่อยสุดๆ คือรู้สึกได้เลยว่าเราอินกับสไตล์การออกแบบของเค้ามากๆ ซึ่งถ้าใครไม่รู้ว่าเค้าคือใคร Foster + Partners คือบริษัทที่ออกแบบ Apple Store ตรงเซ็นทรัลเวิลด์ นั่นแหละครับ น่าจะพออ๋อกันขึ้นมาบ้างเนอะ
ยุคนี้ใครเค้าเที่ยวต่างประเทศกัน คนรวยเค้าเที่ยวนอกโลกครับ!
Apple Store นี่ไม่ว่าจะไปเปิดสาขาที่ไหน ก็สามารถกลายเป็นแลนด์มาร์คของที่นั้นๆ ได้ตลอด ล่าสุดเค้าเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย ไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งนี่เป็นสาขาแรกของมาเลเซีย
เดือน 7 กำลังจะผ่านพ้นอีกแล้วนะครับ ตอนนี้อากาศกำลังชุ่มฉ่ำแบบสุด ๆ ไปเลย ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณว่าดอกเบี้ยแบบคงที่เริ่มกลับมาแล้วนะ