ทำไมการที่เราอยากอาศัยอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก ใกล้ห้าง ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวก ทำไมอะไรแบบนี้ต้องเป็นคอนโดตลอด!!

        คือไม่ใช่ว่าทุกคนอยากอยู่คอนโดกันใช่ไหมครับ แต่ครั้นจะให้เป็นบ้าน ส่วนมากแล้วโครงการแนวราบเดี๋ยวนี้ ก็โน่นเลย ไปทำแถบๆ ชานเมือง หรืออาจจะไม่ชานเมืองหรอก แต่แค่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าลำบากสักหน่อยเท่านั้นเอง

        ผมเชื่อว่ามีกันเยอะครับ ไอที่ต้องจำใจซื้อคอนโดแทนบ้านเพราะทำเลมันได้กว่า โดนกว่า สะดวกกว่า แต่จะดีกว่าไหมล่ะ ถ้าเราได้อยู่ 'บ้านบนทำเลคอนโด'

        ถ้าใครมองหาบ้านที่ตอบโจทย์เรื่องการเดินทางที่สะดวกสบาย อยู่ใจกลางเมือง ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวก งานนี้ห้ามเลื่อนผ่านเด็ดขาดครับ เพราะตอนนี้นางเอกปรากฎตัวแล้วจ้า กับโครงการ "MAYFIELD PINKLAO" (เมย์ฟิลด์ ปิ่นเกล้า) ลักชัวรีทาวน์โฮมใหม่ล่าสุด จากเมเจอร์ฯ ที่งานนี้บอกเลยว่าน้องนางนั้นติ๊กถูกทุกข้อ ไร้ที่ติ!!

        วันก่อนมีโอกาสได้ไปงานเปิดตัวครับ แอบหยิบน้องเค้ามาพูดถึงหน่อยแล้วกัน เพราะทำเลบ้านแบบนี้ ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ ที่ไหนล่ะ!! 

        เค้าเป็นปิ่นเกล้าที่ถูกต้อง ไม่ใช่ปิ่นเกล้าที่แปลว่าพุทธมณฑล ไม่ใช่ปิ่นเกล้าที่แปลว่าศาลายา แต่แปลว่าปิ่นเกล้าที่อยู่ตรงข้ามเซ็นทรัลปิ่นเกล้าเลย!!

        ขอพูดถึงทำเลก่อนจะไปดูโครงการกันนะ โครงการนี้ตั้งอยู่ในซอยบรมราชชนนี 6 มันอาจจะไม่ได้ตรงข้ามปิ่นเกล้าพอดีเป๊ะ แต่ก็ถือว่าใกล้มากแบบสามารถเดินได้เลย

        ตัวโครงการนี้เค้าไม่ได้ติดถนนใหญ่ครับ ต้องเข้าซอยมาหน่อยนึง แต่เข้ามาไม่ลึกเลย เอาจริงๆ นะ วันนั้นมีพี่ที่รู้จักแกนั่งแท็กซี่มาลงปากซอยแล้วเดินมางานแถลงด้วย 5555 ระยะทางคือเดินไหว

        ซึ่งตัวโครงการอยู่ตรงข้ามเซ็นปิ่น เท่ากับว่าเค้าอยู่บรมราชชนนีฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ หรือฝั่งที่มุ่งหน้าไปทางศิริราช และสะพานพระปิ่นเกล้านั่นเองครับ

        ซึ่งหากเราขับรถออกจากโครงการปุ๊บ จะผ่านเมเจอร์ ปิ่นเกล้า ขับมุ่งหน้าไปหน่อยจะเป็นแยกบรมราชชนนี ตรงแยกนี้จะมีถนนจรัญสนิทวงศ์มาตัดผ่าน ซึ่งก็เป็นพิกัดสำคัญครับ เพราะหากเราเลี้ยวซ้ายไปก็จะเป็นสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินอย่าง 'สถานีบางบำหรุ' นั่นเอง หรือหากเลี้ยวขวาขับไปอีกแบบก็จะเป็นช่วงแยกบางขุนนนท์ เลยไปไฟฉาย และพรานนกได้เลย

        หากว่าเรามุ่งหน้าตรงไปหน่อยก็จะเป็นพาต้าครับ ห้างในตำนานนั่นเอง นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนไปใช้แยกอรุณอมรินทร์เข้าศิริราชฝั่งซ้าย และพระราม 8 ฝั่งขวา แต่หากขับรถมุ่งหน้าตรงไปเรื่อยๆ อันนี้จะข้ามสะพานพระปกเกล้าเข้าสนามหลวงและเส้นราชดำเนินแล้ว

        นอกจากนี้ถ้าเราออกจากโครงการที่ซอยบรมราชชนนี 6 แล้ว แต่อยากไปใช้เส้นทางฝั่งขาออกกรุงเทพบ้าง ก็ง่ายๆ เลยครับ เราสามารถไปกลับรถก่อนถึงแยกบรมฯ ได้ ใกล้นิดเดียว

        โดยถ้าหากเราเปลี่ยนมาใช้เส้นบรมฯ ฝั่งขาออกจากกรุงเทพฯ จะเป็นทางที่เราสามารถมุ่งหน้าไปยังตลิ่งชัน เข้าสู่สายใต้  เปลี่ยนเส้นทางไปใช้ถนนเพชรเกษมมุ่งหน้าสู่ต่างจังหวัดทางใต้ได้แบบสบายๆ เลย

        จริงๆ ต้องบอกเลยว่า หมุดหมายของปิ่นเกล้าที่ชัดสุดมันก็คือเซ็นปิ่นฯ นี่แหละ คือพิกัดตรงนี้มันคือศูนย์รวมแหล่งไลฟ์สไตล์ของชาวปิ่นเกล้าไว้หมดแล้ว

        นอกเหนือจากเซ็นปิ่นฯ แล้วตรงนี้ยังมีทั้ง เมเจอร์ ปิ่นเกล้า , ตลาดปิ่นเงิน ปิ่นทอง , โลตัส ปิ่นเกล้า , ตลาดมารวย ซึ่งตรงนี้คือครบแล้วนะ จะกิน จะเที่ยว จะช้อปปิ้ง ได้หมด 

        ถัดจากตรงนี้ไปอีกนิดนึง เลี้ยวซ้ายตรงแยกบรมฯ ก็เจอตลาดนัดอินดี้ ปิ่นเกล้า ที่อยู่ติดตีนบันไดรถไฟฟ้าสถานีบางยี่ขันเป๊ะ หรือจะนั่งรถไฟฟ้าเลยไปสถานีบางขุนนนท์ ต่อรถไปอีกหน่อยเค้ามีตลาดเปิดใหม่ชื่อว่าตลาดไชยทิศ ตรงนี้ก็สามารถไปจับจ่าย เลือกช้อปได้เหมือนกัน

        ในแง่ของร้านรวงโดยรอบเนี้ย เราไม่ต้องพูดเยอะเนอะ เพราะมันคือปิ่นเกล้าที่ถูกต้อง ปิ่นเกล้าที่ไม่ต้องพยายาม 5555 ตลอดเส้นทางทั้งมีร้านรวงให้ได้เลือกฝากท้องกันเยอะละลานตา ไม่อดแน่นอน

        ล้วงลึกทำเลแล้ว มาดูตัวโครงการกันต่อครับ

        ตัวโครงการ 'เมย์ฟิลด์ ปิ่นเกล้า' เค้าเป็นพรีเมี่ยมทาวน์โฮม ที่ให้ฟีลเหมือนบ้านเดี่ยว กว้างขวาง เพดานโปร่ง ใกล้ชิดธรรมชาติ มาพร้อมความเป็นส่วนตัวเพียง 68 ครอบครัว ในสไตล์ Urban Modern Classic นอกจากนี้โครงการเค้ายังมีนวัตกรรม “VENTILATION SURFACE” ทำให้มีช่องลมระบายอากาศ ช่วยลดอุณหภูมิ และถ่ายเทอากาศทำให้บ้านเย็นสบายประหยัดพลังงาน อีกทั้งยังมีการเว้นช่องว่างระหว่างบ้าน ทำให้อยู่อาศัยได้อย่างสบายเสมือนอยู่บ้านเดี่ยว

        โดยโครงการนี้จะมีแบบบ้านให้เลือกทั้งหมด 2 แบบครับ ได้แก่

        - Terrace (เทอร์เรซ) พื้นที่ใช้สอยถึง 290.4 ตารางเมตร บ้าน 4 ชั้น ประกอบด้วย 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ รถ พร้อม รูฟท็อปส่วนตัว ห้องนอนใหญ่ เต็มชั้นแบบ Penthouse พร้อมพื้นที่ Living แบบ Double space 

        - Courtyard  (คอร์ตยาร์ด) พื้นที่ใช้สอยกว้างกว่า 327 – 394.6 ตารางเมตร บ้าน 3 ชั้นครึ่ง ประกอบด้วย 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ดับเบิ้ลสเปซ (คอร์ตยาร์ด) 2 ครัว (ไทย และ ยุโรป) 3 ที่จอดรถ พร้อมลิฟต์ส่วนตัว มีห้องนอนชั้น 1 และพื้นที่รูฟท็อปบนบ้าน (มีลิฟท์ให้ทุกหลัง)

        ซึ่งน่าเสียดายครับ วันนี้มีโอกาสได้ชมแค่หลังเดียว คือ Terrace (เทอร์เรซ) 

        ที่บอกว่าทาวน์โฮมที่ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านเดี่ยว อันนี้เค้าก็ไม่ได้พูดเกินจริงนะ5555

        เปิดประตูเข้าไปเราจะพบกับชั้นล่างที่เป็นโซนรับแขก ทอดยาวไปถึงโต๊ะอาหาร ตัวแปลนมีความลึกเข้าไปถึงหลังบ้าน ผมชอบที่เค้าแบ่งพื้นที่ Out door รับแสงสวยๆ ข้างนอก สามารถเชื่อมต่อกับครัวไทยได้ด้วย อันนี้แอบคิดว่าน่าจะเป็นมุมบาร์บีคิว ปิ้งหมูกระทะ สังสรรค์กับเพื่อนไรงี้ ใกล้ชิดธรรมชาติดีนะ

        ส่วนชั้นสอง อันนี้ผมรู้สึกเหมือนจะเป็นชั้นลอยเสียมากกว่า อย่างบ้านตัวอย่างหลังนี้เค้าจะเนรมิตห้องให้เป็นห้องทำงาน มีประตูบานสไลด์ เพิ่มพื้นที่ระเบียง ซึ่งกว้างมากๆ เราสามารถใกล้ชิดธรรมชาติแค่สไลด์บานประตู รับแสง รับลมธรรมชาติ ตอนกลางวันไม่ต้องเปิดไฟเลย น่าจะประหยัดพลังงานได้ดีเลยทีเดียว มองวิวลงไปทะลุถึงชั้นล่างได้ด้วยนะ

        ตัว Master Bedroom ของบ้านหลังนี้คือกว้างเลยครับ มีแบ่งเป็นโซนสำหรับแต่งตัว แถมห้องน้ำในตัวก็กว้างขวาง มีแบ่งเป็นโซนเปียก โซนแห้ง มาพร้อมพื้นที่ที่สามารถตั้ง Bathtub แล้วยังเหลือพื้นที่กว้างๆ ได้สบายๆ ใหญ่มากๆ สามารถเอาที่นอนมาปูนอนได้เลย 5555

        อีกอย่างที่ชอบคือเค้ามีชั้นดาดฟ้าด้วยนะ ตามบ้านตัวอย่าง ถ้าเราปลูกต้นไม้ ตั้งโต๊ะตั้งเก้าตามนี้ น่าจะกลายเป็นมุมโปรดอีกมุมของคนในบ้านเลยแหละ ลองจินตนาการดูว่า สมมุติอยู่บ้าน อยากนั่งเหม่อๆ มองวิว พร้อมจิบเครื่องดื่มดีๆ บอกเลยว่าตรงนี้ตอบโจทย์สุดๆ 

        นอกจากนี้ในโครงการเค้ายังมีพาร์คส่วนกลางในแบบ Walking Trail โอบล้อมต้นไม้ใหญ่ เดินเล่นในสวนพร้อมต้นไม้ใบหญ้านานาพันธ์ และยังให้ความสำคัญกับเรื่องของการ Customized Space และ Function ให้ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัย คนรุ่นใหม่กลุ่ม Achievers ไปจนถึง Actualizers ที่เน้นประสบความสำเร็จ และให้คุณค่ากับสุนทรียสัมผัสแห่งชีวิตติดธรรมชาติ 

        หลังจากได้มาดูโครงการ บอกเลยว่า ถ้าเงินถึง อยากสอยอยู่นะ หลักๆ คือชอบทำเลแหละ ผมว่ามันไม่ใช่อะไรที่หาได้ง่ายๆ นะ บ้านที่ตั้งอยู่บนทำเลเหมือนคอนโดอ่ะ

        ตัวบ้าน การออกแบบ พื้นที่ ก็ตอบโจทย์ด้วย พอเปิดประตูเข้าไปในตัวบ้าน รู้สึกว่า เห้ยนี่มันไม่ใช่ทาวน์โฮมแล้ว กว้างสมคำเคลมเลย

        อย่าเพิ่งเชื่อผมก็ได้ ลองมาดูให้เห็นกับตาตัวเองก่อน ซึ่งเดี๋ยวเค้าจะมี EXCLUSIVE PRE-SALES “WELCOME HOME” ในวันที่ 22-23 กรกฎาคมนี้ เพียง 2 วันเท่านั้นนะครับ ในราคาเริ่มต้น 14.5 ล้านบาท

        ใครสนใจอย่าลืมวันกันให้ดีๆ นะครับ ส่วนตัวผมนั้นคงต้องรอวันที่ 16 นี้แหละ ถ้าถูกล็อตเตอรี่สักสองใบ ก็คงได้เจอผมแน่นอนครับ ที่โครงการ "MAYFIELD PINKLAO"  55555