ผมคิดเสมอนะว่าคอนโด Low Rise มักจะดีไซน์ไม่ค่อยสวย เพราะพื้นที่น้อย ความสูงไม่เยอะ ทำให้ออกแบบตัวตึกได้ไม่ค่อยล้ำเท่าไหร่ 55555
แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปละ "Gladden Square Ladprao 15" อีกหนึ่งคอนโดไซส์มินิที่ดีไซน์ล้ำสมัย มาแนวโมเดิร์น แต่แฝงไปด้วยความลักซ์ซูรี่
จากหน้าตาตึกจะเห็นได้เลยว่าเค้าเน้นออกแบบให้มีความโดดเด่นเฉพาะตัว โดยเน้นความสวยงามแบบ Modern Lively City ที่มีสีสัน และสไตล์โมเดิร์นด้วยลวดลายเรขาคณิต
อย่าด้านหน้าอาคารที่มีการทำผนังด้านหน้าให้ทำให้บิดซ้อนกัน ดูแล้วช่วยเพิ่มมิติให้ตัวอาคารดี ผมสอบถามแล้วเค้าบอกว่าได้แรงบันดาลใจจากงานศิลปะสไตล์ยุโรป Bauhaus Art มาเป็นแรงบันดาลใจด้วย
ส่วนตัวผมชอบที่ตัวอาคารเค้าเลือกใช้สี Dark Grey และ Rose Gold มาผสมกันนะ มันให้ฟีลหรูหราขึ้นแบบ 200% ต่างจากช่วงก่อนที่คอนโดมันจะใช้สีขาว เทา ดำ กันเป็นหลัก
ยิ่งมาคู่กับการออกแบบที่ตั้งใจให้แต่ละยูนิตเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมที่บิดไปมา ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวและสร้างมุมมองใหม่ให้แต่ละยูนิตได้วิวไม่เหมือนกันด้วย
"Gladden Square Ladprao 15" เป็นคอนโดไซน์มินิที่มียูนิตพักอาศัย 77 ยูนิต เป็นอาคารสูง 8 ชั้น 1 อาคารบนที่ดินประมาณ 227 ตารางวา
ข้อดีของโครงการขนาดเล็กก็คือเราจะได้ความเป็นส่วนตัวสูงมาก โดยตัวอาคารจะวางตัวเป็นแนวยาวตามรูปที่ดินและเว้นระยะร่นรอบภายในโครงการ
สำหรับพื้นที่ส่วนกลางจะอยู่ที่ชั้น 1 และ ชั้น 8 โดยแยกส่วนกับยูนิตพักอาศัยอย่างเป็นสัดส่วน ไม่ต้องกลัวเรื่องเสียงรบกวนขณะพักอาศัยอยู่เลย
ส่วนที่จอดรถนี่พิเศษหน่อย แม้จะเป็นโครงการขนาดเล็กแต่ก็มาพร้อม Auto Parking 11 คัน หรือจะเลือกจอดแบบช่องจอดปกติที่มีให้อีก 18 คัน และช่องจอดพิเศษ 3 คันด้านใต้อาคารก็ได้
สำหรับพื้นที่ส่วนกลางจะมีแต่ด้านนอกอาคารเลย เริ่มจากพื้นที่สำหรับ Glad and Go ไว้ให้ Delivery ส่งของต่าง ๆ แบบไม่ต้องเข้าไปตัวอาคาร ต่อด้วย Garden Square และ Recreation Hill พื้นที่พักผ่อนและพื้นที่สีเขียว
ส่วนเมื่อเข้ามาในอาคารแล้วจะเจอกับโถงต้อนรับ Recreation Hill และส่วน Bauhaus Style Co-Working เป็นพื้นที่ให้นั่งพักผ่อนและนั่งทำงานได้
ความเจ๋งมันอยู่ตรงที่ทางโครงการเค้าจะจัดส่วน DIY Caffeine and Gladden Box ไว้ให้บริการเป็นมุมขนม เครื่องดื่มให้ลูกบ้านด้วยนะ ในส่วนนี้จะมีห้องน้ำและห้องน้ำสำหรับผู้พิการไว้ให้ด้วย
ส่วนชั้น 2-7 จะเป็นส่วนของยูนิตพักอาศัย จำนวนยูนิตในแต่ละชั้นจะมีความแตกต่างกันไปเล็กน้อย โดยชั้น 2-5 จะมี 11 ยูนิต, ชั้น 6 มี 13 ยูนิต และชั้น 7 มี 12 ยูนิต
ส่วนชั้น 8 จะมียูนิตพักอาศัยเพียง 8 ห้องเพราะเป็นชั้นที่มีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ด้วย ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือห้องออกกำลังกาย GYM Room ซึ่งที่นี่เค้ามีเครื่องเล่นที่หลากหลายเลย
ที่ผมว๊าวก็คือเค้ามี Rock Climbing หน้าผาปืนเขาจำลองให้ด้วยนะ มาพร้อมน้ำส่วนกลางและสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ขนาด 4 x 8 เมตร และห้อง Universal Studio ที่ภายในประกอบด้วย Youtuber & Art Studio , Mid Century Co-Kitchen และ Netflix Area ให้เลือกใช้งาน
ทีนี้เรามาดูห้องพักอาศัยกันบ้างดีกว่า ตัวห้องโครงการออกแบบมาให้เราเลือกหลายรูปแบบ ตอบโจทย์การอยู่อาศัยทั้งอยู่คนเดียว อยู่เป็นคู่ หรืออยู่เป็นครอบครัวเลย โดยมีพื้นที่ใช้สอยตามนี้
- 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ประมาณ 25.00 ตร.ม.
- 1 Bedroom Extra ขนาดพื้นที่ประมาณ 26.80 – 28.50 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus Junior ขนาดพื้นที่ประมาณ 29.50 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus Exclusive ขนาดพื้นที่ประมาณ 32.50 – 36.00 ตร.ม.
ซึ่งทางโครงการเค้าขายแบบ Fully Furnished พร้อมอยู่ มีเฟอร์นิเจอร์หลักๆที่ต้องใช้งานมาให้ครบ เหลือแค่ซื้อฟูก หมอน เครื่องใช้ไฟฟ้าบางชิ้น ก็เข้าอยู่ได้เลยนะ
โดยรวมผมว่าเป็นห้องพักอาศัยที่มีสไตล์และแนวคิดในการออกแบบที่ชัดเจน จัดวางฟังก์ชันในห้องได้ดี เป็นสัดส่วน มีให้เลือกหลายขนาด ลองดูจากแปลนประกอบการตัดสินใจกันก่อนได้
ปิดท้ายด้วยการส่องทำเลกันหน่อย ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 แยก 3 นี่เองนะ เดินทางสะดวกสบายใกล้ MRT ลาดพร้าวในระยะที่เดินไม่ทันเหนื่อย ที่สำคัญสายสีเหลืองเปิดแล้วด้วย เพิ่มความคล่องตัวในการเดินทางเป็น 2 เท่า!
นอกจากนั้นยังเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว สถานีห้าแยกลาดพร้าวได้อีกต่อ ใครที่ใช้รถไฟฟ้าถือว่าทำเลนี้เดินทางได้สะดวกมากจริง ๆ
ส่วนใครที่ใช้รถ... ยกตัวอย่างตัวผมเองที่เป็นลูกเสี้ยวลาดพร้าว มีโอกาสได้ผ่านซอยนี้บ่อย ๆ ขอบอกเลยว่าซอยนี้คล่องตัวสูงอยู่นะ สามารถเชื่อมไปถนนใหญ่ได้หลายเส้นทาง แต่ติดที่ซอยแคบไปหน่อย 5555
ไม่ว่าจะเป็น ถนนพหลโยธินจาก Lotus ลาดพร้าว, ซอยพหลโยธิน 24 ถนนลาดพร้าว จากซอยลาดพร้าว 1 , ลาดพร้าว 15 และถนนรัชดาฯ อีกทั้งไม่ไกลจากทางด่วนอุตราภิมุข และทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ ด้วยนะ
เรื่องความอุดมสมบูรณ์อีกเป็นอีกจุดที่ซอยนี้ไม่แพ้ใคร แม้ในตัวซอยเองจะไม่ได้มีร้านค้ามากมาย แต่ถ้าขยันเดินหน่อยนี่มียิ่งกว่าร้านสะดวกซื้ออีก
เพราะ มีทั้งศูนย์การค้า, Hyper Market, Community Mall ไม่ว่าจะเป็น Union Mall, Lotus ลาดพร้าว, Central ลาดพร้าว, Big C ลาดพร้าว
แถมยังมีแหล่งงานในย่านห้าแยกลาดพร้าว, พหลโยธิน, แยกรัชโยธิน และอาคารสำนักงานบนถนนรัชดาภิเษก นอกจากนั้นยังมีสถานศึกษา และโรงพยาบาลให้เดินทางไปได้สะดวกอีกด้วย
สำหรับใครที่กำลังมองหาโครงการคอนโดบริเวณลาดพร้าวตอนต้น ผมว่า "Gladden Square Ladprao 15" เป็นอีกโครงการที่ไม่ควรมองข้ามเลย
แม้จะเป็นคอนโดขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในซอย แต่การเดินทางเรียกได้ว่าสะดวกสบายทั้งการใช้รถยนต์ส่วนตัวรถไฟฟ้า สิ่งที่แลกมาคือความเป็นส่วนตัวที่คุ้มค่าอยู่นะ
ตัวโครงการมีราคาอยู่ที่ 1.99 – 3.09 ล้านบาท* ใครที่มีกำลังผ่อนประมาณ 14,000 – 22,000 บาท/เดือน ถือเป็นช่วงราคาที่พอเหมาะเลย ลองไปเยี่ยมชมกันดูนะค้าบบบบบบ
Tag : Gladden Square Ladprao 15 | Ladprao 15 | Gladden
“ได้วิวแม่น้ำ สวยขนาดนี้เลยรึนี่?!“ เป็นความรู้สึกของผมตอนที่ขึ้นไปชั้น 38 วิวสวยแบบไม่มีอะไรมาบดบังเลย มีมุมที่เห็นสวนเบญจกิติด้วย
สำหรับผมแล้ว BTS สถานี "ห้าแยกลาดพร้าว" เป็น สถานี Interchange กับ MRT ที่ผมชอบที่สุด และมักจะเป็นทำเลที่ผมแนะนำ ให้คนมาอยู่อาศัยมากที่สุดอันดับต้นๆเลย
มีความท้าทายเล็กๆ กับการเปลี่ยนอดีต ’สถานทูตออสเตรเลีย‘ ให้กลายมาเป็น ‘Luxury Condo’ และ ’Mixed-Use’ ระดับ ’iconic’ ริม ’ถนนสาทร‘
'เกือบหลับ แต่กลับมาได้' จะมีโครงการไหนกันเชียวที่จะเหมาะกับคำนี้ ถ้าไม่ใช่ 'Hyde Riverbay Charoennakorn' (ไฮด์ ริเวอร์เบย์ เจริญนคร)
โครงการใหม่ของ Major ที่แน่มาก แกร่งมาก เพราะไม่หวั่นไหวกับการต้องถูกขนาบข้างโดย Sansiri แบบรั้วชนรั้วเลย!
'dcondo calm Ramkhamhaeng 40' (ดีคอนโด คาล์ม รามคําแหง 40) ก็เป็นอีกโครงการที่ผมบอกเลยว่า คุณจะลืมภาพจำของแบรนด์ดีคอนโดแบบเดิมๆ ไปแทบหมดสิ้น เพราะโครงการนี้ เค้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้งสายสีส้มและสายสีเหลือง!!!
ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
ขออวดว่าผมได้รีวิวหนังสือเล่มนี้ก่อนหนหน้านี้แล้วด้วยนะ อิอิ แต่ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจรีวิวหรอก แต่เป็นคนอ่านหนังสือแล้วชอบ ‘Short Note’ ประโยคดีๆ คมๆ เก็บไว้ แต่ปรากฏว่ามันโดนบาดเยอะมาก จนสามารถเอามาลงในเพจได้เลย
ช่วงนี้ผมชอบเข้าไปดูงานออกแบบของ Foster + Partners บ่อยสุดๆ คือรู้สึกได้เลยว่าเราอินกับสไตล์การออกแบบของเค้ามากๆ ซึ่งถ้าใครไม่รู้ว่าเค้าคือใคร Foster + Partners คือบริษัทที่ออกแบบ Apple Store ตรงเซ็นทรัลเวิลด์ นั่นแหละครับ น่าจะพออ๋อกันขึ้นมาบ้างเนอะ
ยุคนี้ใครเค้าเที่ยวต่างประเทศกัน คนรวยเค้าเที่ยวนอกโลกครับ!
Apple Store นี่ไม่ว่าจะไปเปิดสาขาที่ไหน ก็สามารถกลายเป็นแลนด์มาร์คของที่นั้นๆ ได้ตลอด ล่าสุดเค้าเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย ไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งนี่เป็นสาขาแรกของมาเลเซีย
เดือน 7 กำลังจะผ่านพ้นอีกแล้วนะครับ ตอนนี้อากาศกำลังชุ่มฉ่ำแบบสุด ๆ ไปเลย ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณว่าดอกเบี้ยแบบคงที่เริ่มกลับมาแล้วนะ