ต้องบอกตรงๆ ว่ารัฐบาลคุณเศรษฐา ดูท่าการบ้านคงล้นมือครับ เพราะตอนนี้ปัญหาหลายทิศหลายทางเหลือเกิน และอีกหนึ่งปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขก็คือเรื่องของเศรษฐกิจนี่แหละ ซึ่งทางด้านอสังหาฯ เองก็ได้รับผลกระทบไปแบบเต็มๆ โดยศูนย์วิจัย SCB EIC ชี้ว่าตอนนี้อสังหาฯ ฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป หลังจากผ่านวิกฤติโควิดทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ตลาดคอนโดไปได้สวย แต่ทาวน์เฮาส์โอกาสค้างสต๊อกเพียบ เร่งจี้รัฐบาลออกแรงกระตุ้น

        นอกจากนี้ทางด้านอสังหาฯ ยังต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยงทั้งกำลังซื้อในประเทศเปราะบาง อันเนื่องมาจากปัญหาหนี้ครัวเรือน สถาบันการเงินคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยที่ส่งผลให้ผู้บริโภคมีต้นทุนสูงทำให้ตลาดเกิดการชะลอตัว 

        โดยในงานเสวนา “กรุงเทพจตุรทิศ : จัด 9 ทัพ รับศึก 10 ทิศ สู้วิกฤติอสังหาฯ” ที่จัดโดย prop2morrow ดานคุณเชษฐวัฒก์ ทรงประเสริฐ นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) พูดถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในปี 2566- 2567 ว่าการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยที่ส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการการฟื้นตัวแบบค่อนเป็นค่อยไป เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำ โดยมีปัจจัยคือภาวะหนี้ครัวเรือน อัตราดอกเบี้ย ที่เป็นตัวฉุดทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น อีกทั้งในเรื่องของต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ราคาที่ดิน ค่าแรง ส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนอสังหาฯ สูงขึ้น จึงทำให้ราคาเพิ่มขึ้น แต่ผู้บริโภคยังมีภาระและรายได้ไม่เติบโตตาม

        อีกทั้งการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคเปลี่ยนไป จากเดิมที่ช่วงก่อนวิกฤติโควิด-19 คนตัดสินใจซื้อโดยพิจารณาจากขนาดของพื้นที่เป็นหลัก โดยในช่วงโควิด-19 จากคนเลือกบ้านเดี่ยว หรือ ทาวน์เฮาส์ เปลี่ยนมาสู่คอนโดเพื่อสะดวกในการเดินทางเข้าเมืองทำงานติดรถไฟฟ้า ระดับราคาที่คนสนใจ คือคอนโด ตั้งแต่ 1-3 ล้านบาท และด้วยความต้องการที่อยู่อาศัยในปีนี้ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน คาดว่าโครงการใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้จะชะลอตัวเมื่อเทียบกับปี 2565 ที่ผ่านมา โดยอัตราการขายคอนโดฯเติบโตได้ดีกว่าแนวราบ 

        ทางด้าน 'ศุภาลัย' เผยว่าปีนี้แม้ตลาดอสังหาฯจะฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า โดยถือว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดมาเพียงแต่ยังไม่สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณกำลังซื้อมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างไรก็ตามมาตรการที่เป็นตัวฉุดไม่ส่งผลดีต่อทุกภาคส่วน คือมาตรการกำหนดเงินดาวน์ก่อนซื้ออสังหาฯ (Loan To Value : LTV) ที่ต้องการสกัดกลุ่มเก็งกำไร แต่ส่งผลกระทบกับกลุ่มผู้ต้องการซื้อบ้านที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านหลังแรก และบ้านหลังที่ 2 จึงกดดันทำให้เกิดภาพลบกับตลาด

        ส่วนทางฝั่ง 'แสนสิริ' เผยว่ายังเชื่อมั่นว่าภาวะเศรษฐกิจปีนี้ยังเติบโตได้ดี หลังจากที่มีรัฐบาลใหม่คาดว่าจะมีมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโต ซึ่งจะส่งผลทำให้ตลาดอสังหาฯ เติบโตตาม และทำให้ต่างชาติเชื่อมั่นเข้ามาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น ส่งผลทำให้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะ ประเทศ จีน ฮ่องกง อินเดีย ซาอุ เป็นต้น

        และปิดท้ายในส่วน 'AP' เผยว่าภาพรวมอสังหาฯ ในปี 2566 เป็นปีที่ต้องต่อสู้กับอุปสรรค ที่มีปัจจัยที่เหนือการคาดเดาที่ส่งผลต่ออสังหาฯ อาทิ LTV, ภาวะเศรษฐกิจที่ยากคาดเดา สิ่งที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตโดยตรงคือการเติบโตทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย  ที่จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นทางด้านรายได้แน่นอน และภาระค่าใช้จ่ายในอนาคต