พอดีช่วงนี้เวลาไปดูโครงการบ้านทีไรผมจะเห็นการดีไซน์ที่มีจุดร่วมคล้ายๆ กันในโครงการบ้านเซ็กเม้นต์ใหญ่ๆ อย่างหนึ่งคือ "การมีสวนน้อยๆ ในบ้าน"
ที่ผ่านมาสไตล์การแต่งบ้านที่เราคุ้นหูก็จะวนเวียนอยู่ไม่กี่อย่างครับ แต่ที่น่าสนใจคือตอนนี้ไม่ใช่แค่ประเทศเรา แต่ทั่วโลกก็เริ่มมีหันมาสนใจกับเทรนด์การออกแบบที่นำธรรมชาติมาผนวกรวมเข้ากับการอยู่อาศัยแล้ว หรือที่เรียกว่า "Biophilic Design" นั่นเอง
ซึ่งต้นกำเนิดของ "Biophilic Design" นั้นก็มาจากคำว่า "Biophilia" ที่เป็นการผสานกันระหว่างรากศัพท์ภาษากรีก 2 คำ คือคำว่า "Bios" ที่หมายถึง "ชีวิต" กับคำว่า "Phila" ที่หมายถึงความรักแบบฉันมิตรหรือเท่าเทียม ฟังแล้วอาจแปลกๆ แต่ในภาพรวมมันคือ “love of life” การรักในชีวิต นั่นเองครับ
และเมื่อเรานำเอาแนวคิดแบบ Biophilia เข้ามาปรับเป็นการออกแบบทางสถาปัตยกรรมแล้ว การดีไซน์ในรูปแบบนี้จึงไม่ใช่แค่การออกแบบให้เข้ากับธรรมชาติ
แต่ยังเป็นแนวทางในการออกแบบที่ควบรวมวิถีชีวิตของผู้อยู่อาศัยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติด้วยต่างหากล่ะ
ส่วนประกอบที่เห็นหลักๆ ในงาน Biophilic Design นั้น แน่นอนว่าอย่างแรกคือต้นไม้สีเขียว หรืออาจจะสร้างกำแพงสวนแนวตั้งเพื่อสร้างบรรยากาศกรีนๆ เพิ่มเข้าไปก็ได้เหมือนกัน
แต่การสร้างบรรยากาศทางธรรมชาติก็ไม่ได้หมายถึงการยกต้นไม้มาตั้งในพื้นที่ห้องอย่างเดียวเท่านั้น แต่เรายังสามารถสัมผัสผ่านประสาทสัมผัสอื่นๆ ได้ด้วย
อย่างเช่นการเลือกเฟอร์นิเจอร์หรือวอลเปเปอร์ที่ให้พื้นผิวหรืออุณหภูมิคล้ายคลึงกับบรรยากาศในสวน ยังมีรูปทรงต่างๆ ที่เลียนแบบจากการเคลื่อนไหวของใบไม้ ต้นไม้ ภูเขา หรือหิน ซึ่งเดี๋ยวนี้ผมเห็นวอลเปเปอร์แนวนี้เยอะขึ้นมากเลยในโครงการบ้านต่างๆ จุดหนึ่งก็เพื่อทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกผ่อนคลายนั่นเอง
อ้อ การเลือกใช้น้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติหรือก้านหอมกลิ่นธรรมชาติเองก็นับเป็นส่วนหนึ่งการดีไซน์รูปแบบนี้เหมือนกันครับ เพราะนั่นนับเป็นการสร้างบรรยากาศร่วมผ่านประสาทสัมผัส ได้กลิ่นเหมือนอยู่ในป่าเนอะ
และนอกจากนี้เรายังจะเห็นว่าหน้าต่างหรือช่องลมของบ้านที่ดีไซน์ในลักษณะนี้จะถูกสร้างออกมาให้ใหญ่และสามารถมองเห็นพื้นที่สีเขียวพร้อมรับแสงและลมจากธรรมชาติได้โดยตรงเหมือนกัน
ดังนั้น "Biophilic Design" จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีของออฟฟิศสมัยใหม่ และไม่ใช่แค่ออฟฟิศ แต่ตอนนี้โครงการบ้านทั้งหลายก็หันมาใส่ใจเทรนด์การออกแบบนี้เหมือนกัน
เพราะการเห็นต้นไม้สีเขียวและสร้างบรรยากาศคล้ายอยู่ในธรรมชาติจะช่วยบรรเทาความเครียด เสริมสร้างแรงบันดาลใจและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ผู้อยู่อาศัยยังจะรู้สึกผ่อนคลายและเหมือนได้พักผ่อนจริงๆ อีกด้วย
การออกแบบในสไตล์ "Biophilic Design" ที่เราเห็นกันชัดๆ ก็อย่าง Singapore Changi Airport หรือโปรเจคต์ The spheres สำนักงานใหญ่ Amazon ที่เมื่อเข้าไปปุ๊บก็จะสัมผัสได้ถึงความเขียวชอุ่มในพื้นที่นั้นปั๊บ ประหนึ่งยกป่ามาไว้ในเมืองที่พลุกพล่านเลยทีเดียว
ถือเป็นการออกแบบที่มาเพื่อตอบสนองยุคสมัยที่บรรดาคนในเมืองใหญ่ล้วนโหยหาความเรียบง่ายของธรรมชาติมากๆ เหมือนปรับบ้านเราให้เป็นโอเอซิสเล็กๆ กลางป่าคอนกรีต
ดังนั้น "Biophilic Design" จึงไม่ใช่แค่เทรนด์การออกแบบยุคใหม่ที่ทำเพียงการปลูกต้นไม้ แต่คือการให้ผู้อยู่อาศัยได้มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยต่างหากละครับ
Tag :
“ได้วิวแม่น้ำ สวยขนาดนี้เลยรึนี่?!“ เป็นความรู้สึกของผมตอนที่ขึ้นไปชั้น 38 วิวสวยแบบไม่มีอะไรมาบดบังเลย มีมุมที่เห็นสวนเบญจกิติด้วย
สำหรับผมแล้ว BTS สถานี "ห้าแยกลาดพร้าว" เป็น สถานี Interchange กับ MRT ที่ผมชอบที่สุด และมักจะเป็นทำเลที่ผมแนะนำ ให้คนมาอยู่อาศัยมากที่สุดอันดับต้นๆเลย
มีความท้าทายเล็กๆ กับการเปลี่ยนอดีต ’สถานทูตออสเตรเลีย‘ ให้กลายมาเป็น ‘Luxury Condo’ และ ’Mixed-Use’ ระดับ ’iconic’ ริม ’ถนนสาทร‘
'เกือบหลับ แต่กลับมาได้' จะมีโครงการไหนกันเชียวที่จะเหมาะกับคำนี้ ถ้าไม่ใช่ 'Hyde Riverbay Charoennakorn' (ไฮด์ ริเวอร์เบย์ เจริญนคร)
โครงการใหม่ของ Major ที่แน่มาก แกร่งมาก เพราะไม่หวั่นไหวกับการต้องถูกขนาบข้างโดย Sansiri แบบรั้วชนรั้วเลย!
'dcondo calm Ramkhamhaeng 40' (ดีคอนโด คาล์ม รามคําแหง 40) ก็เป็นอีกโครงการที่ผมบอกเลยว่า คุณจะลืมภาพจำของแบรนด์ดีคอนโดแบบเดิมๆ ไปแทบหมดสิ้น เพราะโครงการนี้ เค้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้งสายสีส้มและสายสีเหลือง!!!
ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
ขออวดว่าผมได้รีวิวหนังสือเล่มนี้ก่อนหนหน้านี้แล้วด้วยนะ อิอิ แต่ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจรีวิวหรอก แต่เป็นคนอ่านหนังสือแล้วชอบ ‘Short Note’ ประโยคดีๆ คมๆ เก็บไว้ แต่ปรากฏว่ามันโดนบาดเยอะมาก จนสามารถเอามาลงในเพจได้เลย
ช่วงนี้ผมชอบเข้าไปดูงานออกแบบของ Foster + Partners บ่อยสุดๆ คือรู้สึกได้เลยว่าเราอินกับสไตล์การออกแบบของเค้ามากๆ ซึ่งถ้าใครไม่รู้ว่าเค้าคือใคร Foster + Partners คือบริษัทที่ออกแบบ Apple Store ตรงเซ็นทรัลเวิลด์ นั่นแหละครับ น่าจะพออ๋อกันขึ้นมาบ้างเนอะ
ยุคนี้ใครเค้าเที่ยวต่างประเทศกัน คนรวยเค้าเที่ยวนอกโลกครับ!
Apple Store นี่ไม่ว่าจะไปเปิดสาขาที่ไหน ก็สามารถกลายเป็นแลนด์มาร์คของที่นั้นๆ ได้ตลอด ล่าสุดเค้าเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย ไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งนี่เป็นสาขาแรกของมาเลเซีย
เดือน 7 กำลังจะผ่านพ้นอีกแล้วนะครับ ตอนนี้อากาศกำลังชุ่มฉ่ำแบบสุด ๆ ไปเลย ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณว่าดอกเบี้ยแบบคงที่เริ่มกลับมาแล้วนะ