ตอนเห็นบ้านแบรนด์ใหม่ของสิงห์ฯ ผมงงนิดหน่อยว่า คำว่า "S’RIN" อ่านว่ายังไง แล้วแปลว่าอะไร

        ไอ้เราก็เต็มที่เลย "เอส ริน" ซึ่งฟังแล้วประหลาดมาก 5555 มารู้เฉลยว่า อ๋อ ที่แท้เค้าอ่านว่า "สริน" หรอกนะ

        มันเป็นการรวมคำ มาจากคำว่า SELF หรือตัวตน (ซึ่งก็ยังหมายถึง Singha Estate ได้ด้วย!) + รินทร์ หมายถึงความยิ่งใหญ่ พร้อมคอนเซปต์ “Infinite Living For All” 

        ก็อารมณ์ประมาณว่า "S’RIN" เป็นบ้านที่ทุกการเติบโตไม่มีที่สิ้นสุด ออกแบบสำหรับทุกเจน ตอบสนองการใช้ชีวิตของทุกคนนั่นเองครับ

        และ "S’RIN" ก็เป็นแบรนด์ใหม่ของสิงห์ฯ ในระดับ premium luxury โครงการแรกของเค้าครับ

        ซึ่งจากที่แอบได้ยินมา คือปีนี้ทางสิงห์ฯ แพลนจะเปิดด้วยกันทั้งหมด 5 โครงการ ตอนนี้เปิดไปแล้ว 2 โครงการ สำหรับนี้ "S’RIN" คือโครงการที่ 3 นางเอกของวันนี้ล่ะ

        ตั้งอยู่บนทำเลราชพฤกษ์สาย 1 ที่สองสามปีที่ผ่านมานี้ฝั่งตะวันตกเติบโตขึ้นมาก สิ่งอำนวยความสะดวกเยอะ แทบไม่สงสัยเลยว่าทำไมโลเคชั่นนี้เหมาะจะเป็นที่อยู่อาศัยที่สุด

        แต่เพราะดีเวลลอปเปอร์หลายเจ้าก็คิดแบบเดียวกัน ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยครับว่าการแข่งขันค่อนข้างสูงจริงๆ ซึ่งสิงห์ฯ ก็เอาขนาดที่ดินมาสู้นะ พื้นที่เริ่มต้นถือว่าใหญ่ เดี๋ยวไว้พูดประเด็นนี้อีกที

        ในแง่การเดินทางมันสะดวกอยู่แล้ว อยู่ห่างจากสีลม-สาทร ราวๆ 13 กิโล

        ใครทำงานใจกลางเมืองเดินทางแค่ครึ่งชั่วโมงถึง (แต่ต้องเน้นตรงนี้ว่า...ถ้ารถไม่ติด) 9 กิโลถึงศิริราช ดังนั้นจะเห็นเลยว่าพวกหมอเค้าเข้ามาดูกันเยอะครับ

        นอกจากนี้คือมีรถไฟฟ้า 3 สาย ตอนนี้มี 2 สาย คือน้ำเงินกับเขียวอ่อน แต่ว่าในอนาคตจะมีสีแดงอ่อนเชื่อมพรานนก-ศาลายาเข้ามาเสริม ประมาณปี 70 น่าจะได้เห็นกันแน่นอน 

        ลืมบอกไปว่า Central Westville เปิดเดือนหน้านี้แล้ว ห่างไปแค่ 9 กิโลเท่านั้น

        โครงการ "S’RIN ราชพฤกษ์ - สาย 1" ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 45 ไร่ เอ็กซ์คลูซีฟเพียง 89 ครอบครัว และมีราคาเริ่มต้นที่ 39 – 75 ล้านบาท 

• บ้านเดี่ยว 2 ชั้น โดยมีหน้าบ้านกว้างสูงสุดถึง 30.65 เมตร
• ขนาดที่ดิน 110 - 168 ตร.ว. 
• แบบบ้าน 3 แบบ และพื้นที่ใช้สอย 440 - 626 ตร.ม. ขนาด 4 – 5 ห้องนอน พร้อมห้องนอนขนาดใหญ่ “Master Suite Bedroom และ “Junior Master Bedroom”
• พื้นที่ส่วนกลางบรรยากาศรีสอร์ท รองรับกิจกรรมที่หลากหลายรวมถึงการพักผ่อน
• Lobby คลับเฮาส์บรรยากาศสบายๆ วิวสระว่ายน้ำ
• สระว่ายน้ำระบบเกลือ ดีต่อสุขภาพผิว พร้อมพื้นที่สระสำหรับเด็ก ที่ลึกเพียง 60 ซม. 
• “Biz Lounge” สำหรับนัดคุยธุรกิจ ประชุม หรือทำงานกลุ่ม
• Main Park พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ พร้อม Kid’s Playground พื้นทำจากวัสดุ EPDM ลดแรงกระแทก และพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง
• ทางวิ่งออกกำลังที่ร่มรื่นภายในโครงการ 

        เข้ามาเลยสิ่งแรกที่ผมชอบคือรั้วโครงการสวยมากกก

        ซึ่งผมได้ยินมาว่าเค้าใช้ lighting designer มาจัดแสงให้ตั้งแต่ทางเข้าโครงการเลย ระดับแสงมันจะแตกต่างกันไปตามช่วงเวลา แสดงถึงความหรูหราผ่อนคลาย

        หลังจากนั้นพอเข้ามา อีกอย่างที่สะดุดตาคือถนนเมนกว้างนะ ให้มา 15 เมตร

        ซึ่งตรงนี้โครงการจะปลูกต้นไม้เอาไว้ พอวันเวลาผ่านไปต้นไม้โตขึ้นเราก็จะได้ขับรถท่ามกลางหมู่แมกต้นไม้ครับ หรือใครชอบวิ่งจ็อกกิ้งก็วิ่งได้สะดวกไม่ต้องกลัวรถเฉี่ยวเลยเพราะฟุตบาธกว้างเชียว

        แถมถนนที่นี่ยังเป็น Supercar friendly แฮะ แบบว่าใส่ใจในความลาดชันของพื้น สะพานในโครงการ ลาดชันน้อยกว่าปกติ ไม่ขูดท้องรถลูกค้าแน่นอน

        อย่างที่บอกไปว่ามีแบบบ้าน 3 ไทป์ เค้าจัดเป็น Residence 1, Residence 2, Residence 3 ง่ายๆ เลย

        ซึ่ง Residence 1 จะเป็นหลังใหญ่สุดและมีแค่ 6 หลังเท่านั้น ในขณะที่ Residence 3 จะไทป์เล็กสุดและเป็นโหมดหลักของโครงการ มีเยอะที่สุดเหมือนกัน

        น่าตื่นตาตื่นใจตรงที่มีลิฟต์ยกรถจอดแบบดับเบิ้ลได้ด้วย ดังนั้นสำหรับบ้านบางหลังจึงสามารถจอดได้เป็นสิบคันเลย!

        ในภาพรวมผมมองว่าสเปซบ้านในโครงการโอ่อ่าดีครับ ให้มาเป็นบ้านหน้ากว้าง Double volume แต่พอเข้าไปแล้วจะรู้สึกเป็นส่วนตัวมาก เพราะสวนลิฟวิ่งแอเรียจะโดนพราง ไม่เห็นในส่วนของ Family living

        ร่นระยะตัวบ้าน เพิ่มพื้นที่สวนหลังบ้าน วางตัวบ้านชิดขอบที่ดิน แล้วเชื่อมพื้นที่สีเขียวเข้ามาภายในบ้าน ซึ่งพื้นที่สีเขียวด้านนอกนี่แหละเป็นจุดที่สร้าง first impression ได้ดีที่สุด 

        พอเข้ามาด้านใน มู้ดที่กำกับไว้ทำให้บ้านดูอบอุ่นครับ มีฟอร์เยตั้งเด่นเป็นสง่า และแสงสว่างช่วยทำให้ฟอร์เยดูแกรนด์ขึ้นมาอีกต่างหาก

        โซนห้อง Family living และ Dining ถูกวางไว้โซนหลังบ้าน มีฟังก์ชันต่อเนื่องกัน ทั้งส่วนครัว Pantry และโต๊ะทานอาหาร

        แน่นอนว่าบ้านใหญ่ขนาดนี้ต้องรองรับผู้สูงอายุอยู่แล้ว พื้นที่ใช้ในห้องก็จะแตกต่างจากพื้นที่ตัวบ้านโซนอื่นนะเพราะจะทำมาเพื่อผู้สูงอายุโดยเฉพาะ หากลองใช้เท้าเปล่าเหยียบจะพบว่าพื้นมันนุ่มมาก ถ้าผู้สูงอายุล้มหรืออะไรก็ยังช่วยทำให้ไม่บาดเจ็บมากเท่าที่ควรครับ

        ผมมองว่า "S’RIN" ไม่ได้เป็นบ้านที่ออกแบบมาให้มันหวือหวาอะไร แต่เน้นความโฮมมี่และใช้งานได้จริงมากกว่า

        เพราะมันจะมีดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้อยู่อาศัยแทรกเอาไว้ตลอด

        ทั้งห้องเก็บของใต้บันได และ shoes cabinet หน้าบ้าน โถงบันไดออกแบบให้ติดตั้งลิฟต์ได้ หรือการระบายอากาศแบบลมผ่านบริเวณชั้นสองที่เหมาะกับอากาศร้อนๆ ของเมืองไทยที่สุด

        มาสเตอร์เบดรูมมีขนาดใหญ่มาก กินพื้นที่เกือบครึ่งของชั้นสอง ในขณะที่จูเนียร์มาสเตอร์เองก็ใหญ่ไม่แพ้กัน กินกันไม่ลง มี walk-in closet ให้ทั้งคู่

        แปลนเค้าจะออกแบบมาให้เตรียมพร้อมสำหรับการต่อเติมภายในตัวบ้านได้ด้วยครับ เรียกว่าในอนาคตถ้ามีการขยับขยายอะไรก็สามารถปรับได้อย่างง่ายดาย

        อ้อ แล้วก็ที่นี่ติดโซลาร์เซลส์ให้ 5 กิโลวัตต์เลยนะ ปกติที่อื่นๆ เค้าจะอยู่ที่ราวๆ 3 กิโลวัตต์ แต่ที่นี่ให้กันมาแบบคุ้มๆ เผื่อในอนาคตเลย มองการณ์ไกลสุด 5555

        ยิ่งไปกว่านั้น การันตีแล้วนะครับว่าที่นี่ สร้างถูกหลักฮวงจุ้ย

        ก็คือนอกจากจะออกแบบ แบบ Beyond universal design ฟังก์ชั่นใส่ใจและครบถ้วนแล้ว พลังงานในบ้านยังดีอีกต่างหาก อยู่แล้วดี อยู่แล้วเฮงของแท้ ต้องที่ "S’RIN" เลย