มีใครตามข่าวโครงการรถไฟความเร็วสูงตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีกันบ้าง แม้ว่าจะเป็นโครงการที่ได้ประโยชน์ทั้งในแง่ของการคมนาคมและเศรษฐกิจระดับภูมิภาค แต่ดูเหมือนว่าประชาชนในบางพื้นที่อาจจะไม่เห็นด้วย ล่าสุดอย่างสถานีอยุธยา ที่เกิดเสียงค้านเนื่องจากเป็นสถานีที่ต้องผ่านพื้นที่มรดกโลก

        โดยรถไฟฟ้าความเร็วสูงเป็นรถไฟฟ้าที่มีเป้าหมายในการพัฒนาเศรษฐกิจ และเชื่อมโยงตลาดการค้า ระหว่างกลุ่มประเทศแถบลุ่มแม่น้ำโขง เนื่องจากประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางของอินโดจีน ตามแผนจะก่อสร้างทั้งหมด 4 สาย ได้แก่ สายเหนือ, สายตะวันออก, สายตะวันออกเฉียงเหนือ และสายใต้

        ซึ่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพื้นที่ทางผ่านของโครงการรถไฟความเร็วสูง 2 สาย นั่นคือ สายเหนือ กรุงเทพฯ-พิษณุโลก-เชียงใหม่ และสายตะวันออกเฉียงเหนือ กรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย ซึ่งทั้ง 2เส้นทางนี้ ล้วนมีสถานีอยุธยาด้วยกันทั้งคู่

        โดยทางด้านของสภาวันอาทิตย์ ได้จัดเสวนา “รถไฟจะไปอโยธยา” หาข้อยุติ โครงการรถไฟความเร็วสูงผ่านพื้นที่มรดกโลก ในวันที่ 29 ตุลาคม 2566 ภายในงานมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยกับโครงการ และผู้ที่เห็นค้านโครงการรถไฟความเร็วสูงนี้ โดยฝ่ายที่เห็นด้วยเล็งเห็นว่าโครงการนี้เป็นเมกกะโปรเจค ที่ควรจะเชื่อมต่อไปต่างประเทศ เป็นผลดีในระยะยาว มากกว่าจะใช้แต่เพียงภายในประเทศ และ ที่ผ่านมาได้ผ่านการทำ EIA มาแล้ว

        ทั้งนี้ควรตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเส้นทางที่จะก่อสร้างมีส่วนที่ไปสร้างความเสียหายต่อวัตถุโบราณทั้งที่พบแล้ว และ ที่ยังไม่พบอีกหรือไม่ ซึ่งผลของการทำแบบสำรวจ HIA จะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ ที่รัฐบาลเป็นเจ้าภาพให้มีการจัดทำตามขั้นตอนของ UNESCO ซึ่งคงจะได้มีการเปิดเผยต่อสาธารณชนต่อไป 

        ส่วนทางด้านของฝ่ายที่ห่วงเรื่องผลกระทบมรดกโลก นอกจากเสนอให้ทบทวนเส้นทางใหม่แล้ว ยังมองว่าอยากให้ทำประชาพิจารณ์เรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ครั้งเดียวจบโดยเฉพาะที่ผ่านมาได้จัดทำในช่วงบริหารของ คสช ทำให้การ วิพากษ์วิจารณ์มีข้อจำกัด โดยขอบเขตปัจจุบันของมรดกโลกอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จากข้อมูลในเว็บไซต์ของ UNESCO พบว่าวัดที่อยู่ในพื้นที่มรดกโลกได้แก่ วิหารพระมงคลบพิตร , วัดพระศรีสรรเพชญ์ , วัดพระราม , วัดราชบูรณะ , วัดมหาธาตุ , วัดธรรมิกราช , วัดโลกยสุธาหรือวัดพระนอน 

        โดยกรมศิลปากรได้มีหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อแจ้งว่าพื้นที่โครงการรถไฟความเร็วสูงอยู่ในเขตโบราณสถาณ และอยู่ใกล้เขตมรดกโลกพระนครศรีอยุธยาเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา

        และขอให้มีการพิจารณาทางเลือกในการออกแบบสถานี ที่เหมาะสมอีกครั้งเช่น ปรับลงเป็นทางลอดใต้ดิน หรือเบี่ยงไปใช้เส้นทางใหม่ หรือย้ายที่ตั้งสถานี และไม่เห็นด้วยกับรูปแบบสถานีที่มีการนำเสนอและขอให้การรถไฟฯ ส่งรายละเอียดรูปแบบรางและอาคารสถานี ในแนวเส้นทางรถไฟตลอดทั้งเส้นให้กรมศิลปากรตรวจสอบพิจารณา และขอให้มีการนำเสนอต่อคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกเพื่อทราบต่อไป