“แสนสิริ” หรือที่ผมชอบเรียกบ่อยๆว่า “พี่สิบหมื่น” มีชื่อเสียงเรื่อง บริการหลังการขาย มานานแล้วนะครับ

        ถึงขนาดคลอดบ.ในเครืออย่าง “Plus Property” เพื่อช่วยบริการลูกบ้านโดยเฉพาะ ซึ่งถ้านับถึงตอนนี้ ก็เกือบ 30 ปีแล้วนะ!! โว้ว ถ้าไม่ดีจริง คงอยู่ไม่ได้ นานขนาดนี้แน่

        เวลาผมมีโอกาสได้แวะเวียนโครงการของ “แสนสิริ” ก็มักจะประทับใจแทบทุกครั้ง แม่บ้าน คอยบริการอย่างดี คอยตอบรับความต้องการของเราเท่าที่ทำได้ บางทีให้ข้อมูลโครงการได้ด้วยนะ , พี่รปภ. ก็เช่นกัน โครงการหนึ่งที่ต่างจังหวัด เคยช่วยแนะนำเส้นทางในการไปที่อื่นต่อได้ แบบมีความกระตือรือร้น อยากช่วยเราจริงๆ

        เพราะคนเหล่านี้คือ คนท้องถิ่นจริงๆ หลายครั้ง จึงอาจเข้าใจใน “ทำเล” ได้ดีกว่า 

        ทุกวันนี้การอยู่โรงแรม เอ้ย คอนโดสิ ฮิฮิ คอนโดระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ หลายโครงการของ “แสนสิริ” ไม่ต่างอะไรกับการอยู่โรงแรมเลย แค่ไม่มีอาหารเช้า เท่านั้นเอง เช่น

        มีบริการ Butler คอยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน เสมือนมีโฮเทลลิเยร์ (Hotelier) ในคอนโด ที่ 98 Wireless (ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส) และ THE MONUMENT THONG LO (เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ) 

        และบริการ "Concierge" ผู้ช่วยส่วนตัวในการแนะนำหรือจองสถานที่และบริการต่าง ๆ เช่น แม่บ้าน ซักรีด การรับ-ส่งของเดลิเวอรี่ ในโครงการ KHUN by YOO (คุณ บาย ยู)”

        เพื่อนผมที่อยู่โครงการเหล่านี้ ล้วนประทับใจจนแทบไม่อยากไปล้มตัวนอนที่อื่น แม่บ้านช่วยพับเสื้อผ้าที่วางอย่างยุ่งเหยิง ให้เรียบร้อย ทำเอาอายเล็กๆ 555

        ด้วยการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว การขยายตัวของการลงทุนภาครัฐ และเอกชน รวมไปถึงทิศทางการเมืองที่มีภาพชัดเจนมากขึ้น ทำให้มีความต้องการ “บ้านเดี่ยว” ระดับลักซ์ชัวรี่ มากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ มีการเปิดโครงการใหม่เพิ่มกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปี

        กระทั่ง “แสนสิริ” เอง ก็ยังเปิดโครงการแนวราบใหม่ ระดับลักซ์ชัวรี่ และซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ในปีนี้ ถึง 15 โครงการ เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนถึง 117%!!

        “แสนสิริ” ได้เล็งเห็นว่า ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของกลุ่มลูกค้าในโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ และซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ มีความคล้ายคลึงกับกลุ่มลูกค้าในโครงการคอนโดมิเนียมระดับบน ไม่ต่างกันนัก เช่น

        การจัดปาร์ตี้สุดเอ็กซ์คลูซีฟในบ้าน เพื่อต้อนรับแขกคนสำคัญ , มอบความเป็นส่วนตัวสูงสุด เพื่อสร้างความอุ่นใจ ปลอดภัย และสะดวกสบายในการอยู่อาศัย เป็นต้น

        ล่าสุด "Plus Property" บริษัทลูกของแสนสิริเอง ได้ขยายธุรกิจใหม่ คือ "Villa Management" นำร่องที่ ภูเก็ต ครอบคลุมบริการ Property Care Elite ดูแลทรัพย์สินแบบครบวงจร นอกจากนี้ยังมี Property Care On Demand ที่ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการตามความต้องการอีกด้วย

        ต่อเนื่องมาถึงปีหน้านี้ “แสนสิริ” และ "Plus Property" วางแผนเปิดตัว “Sansiri Service” ที่ผ่านการอัปเกรดขนานใหญ่ มี "Concierge" เป็นทัพสำคัญ โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านบริการระดับลักซ์ชัวรี่ และไลฟ์สไตล์ รองรับการอยู่อาศัยในโครงการแนวราบระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่

        คุณศรีอำไพ รัตนมยูร ประธานผู้บริหารสายงานการตลาด ของแสนสิริ เล่าให้ฟังว่า 

        “บ้านไข่มุก” ของแสนสิริ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ติดทะเลหัวหิน ที่เปิดตัวในปี 2531 เป็นโครงการที่ได้รับการดูแลอย่างดีมาตลอด ยังคงความงดงาม มีการปรับขึ้นของ “ราคา” อย่างน่าสนใจ จากราคาซื้อวันแรกที่ 7 ล้านบาท (242 ตร.ม.) มาเป็นราคา 80 ล้านบาทในปัจจุบัน (เพิ่มกว่า 10 เท่าตัว)!!

        แน่นอนว่า ไม่ใช่ทุกห้อง และทุกโครงการ จะราคาดีดขึ้นขนาดนี้นะ แต่นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ดีว่า ถ้า "ของ" เรา มันหาทดแทนได้ยาก บวกกับการดูแลที่ดีต่อเนื่อง ก็จะมีโอกาสเป็นเช่นนี้

        เดิมที “Sansiri Service” ก็มีคุณภาพที่ดี โดดเด่นที่สุดอยู่แล้ว ยิ่งปีหน้า จะมีบริการใหม่ๆดีๆมาเสริมทัพ ในโครงการแนวราบระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่อีก ก็ไม่ต่างอะไรกับ "พยัคฆ์ที่ได้ติดปีก" นั่นเองครับ

        มารอดูกันปีหน้า