ในขณะที่นักลงทุนชาวไทยส่วนใหญ่ที่สนใจลงซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ มักนึกถึงกรุงลอนดอนของอังกฤษเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะในภาวะที่เงินปอนด์อ่อนค่าหลัง BREXIT
แต่ในความเป็นจริง ยังมีเมืองอื่นอีกหลายเมืองที่เสนอโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่ากัน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น ตามการวิเคราะห์ของบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล
เมื่อเร็วๆ สถาบันอสังหาริมทรัพย์แห่งประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่ามีชาวต่างชาติจากเอเชียเพิ่มขึ้น ที่เข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทอยู่อาศัยในญี่ปุ่นด้วยวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุน โดยเฉพาะที่โตเกียว สอดคล้องกับรายงานจากเจแอลแอลที่ระบุว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หน่วยธุรกิจตัวแทนซื้อขายที่อยู่อาศัยระหว่างประเทศของบริษัทฯ เป็นตัวแทนขายบ้าน-คอนโดในโตเกียวให้กับผู้ซื้อทั่วเอเชียแปซิฟิกไปแล้วเกือบ 500 รายการ
มาร์ติน พรินส์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจตัวแทนซื้อขายที่พักอาศัยระหว่างประเทศของเจแอลแอล ในประเทศไทย กล่าวว่า มีหลายปัจจัยที่ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยในโตเกียวเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งหลักๆ ได้แก่ ราคาที่ไม่สูงเกินไป ความเสี่ยงการลงทุนต่ำ ผลตอบแทนการลงทุนน่าพอใจ และตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่ดี
“มักมีความเข้าใจว่า อสังหาริมทรัพย์ในโตเกียวมีราคาแพง แต่ในความเป็นจริง โตเกียวนับเป็นตลาดที่นักลงทุนต่างชาติสามารถลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภทอยู่อาศัยได้ในราคาที่ถูกกว่าเมืองใหญ่ๆ หลายเมืองของโลก โดยเฉพาะเมื่อคำนวณตามค่าครองชีพของญี่ปุ่นเอง”
รายงานการศึกษาของเจแอลแอล ระบุว่าโตเกียวมีสัดส่วนราคาที่อยู่อาศัยต่อรายได้ (home price to income ratio) ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับเมืองชั้นนำอื่นๆ ที่ชาวต่างชาตินิยมเข้าไปซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อลงทุน โดยราคาที่อยู่อาศัยในโตเกียวคิดเป็นประมาณ 4.7 เท่าของรายได้ครัวเรือนต่อปี เทียบกับฮ่องกง 18.1 เท่า ซิดนีย์ 12.2 เท่า และลอนดอน 8.5 เท่า ทำให้ราคาที่พักอาศัยในโตเกียวมีโอกาสสูงที่จะปรับเพิ่มขึ้นได้มากในอนาคต
นอกจากนี้ การที่รัฐบาลญี่ปุ่นดำเนินนโยบายการผ่อนคลายทางการเงิน ทำให้ค่าเงินเยนโดยภาพรวมรวมอ่อนตัวลงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้นักลงทุนจากประเทศที่ค่าเงินแข็งกว่าสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ในโตเกียวได้ในราคาที่ถูกลง
ตลาดที่อยู่อาศัยให้เช่าที่มีสภาพคึกคักและให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนสนใจ โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ค่าเช่าที่อยู่อาศัยในโตเกียวแม้จะปรับเพิ่มขึ้นปรับตัวขึ้นไม่มาก เฉลี่ยราว 2% ต่อปี แต่มีการปรับขึ้นต่อเนื่อง
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติยังสามารถคาดหวังผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าได้ในอัตราระหว่าง 3.5-4.5% (ก่อนหักภาษี ค่าบริหารส่วนกลางและค่าใช้จ่ายอื่นๆ) ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนการลงทุนที่สูงกว่าเมืองหลักอื่นๆ ของเอเชีย เช่น สิงคโปร์และฮ่องกง
ค่าใช้จ่ายที่คอนข้างต่ำในการทำธุรกรรมการซื้อขาย นับเป็นอีกหนึ่งในข้อได้เปรียบของตลาดที่พักอาศัยของโตเกียว อาทิ ค่าอากรแสตมป์มีอัตราอยู่ที่เพียงประมาณ 2-3% ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ เทียบกับ 15% ในฮ่องกง และ 18% ในสิงคโปร์
นักลงทุนในตลาดที่พักอาศัยของญี่ปุ่นยังได้รับการคุ้มครองที่ดี จากกระบวนการต่างๆ เกี่ยวกับการซื้อขายที่มีความโปร่งใสสูง กรอบกฎหมายและกฎระเบียบการต่างๆ ที่มีความชัดเจน และการมีบรรษัทภิบาลที่เข้มแข็ง นอกจากนี้ ยังไม่มีการจำกัดสิทธิในการครอบครองอสังหาริมทรัพย์โดยต่างชาติ
แนวโน้มที่ดีทั้งในทางเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่น เป็นอีกปัจจัยที่ดึงดูดนักลงทุน ทั้งนี้ นโยบายทางเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายชินโซ อาเบะ มีส่วนช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะด้วยการเพิ่มการลงทุนในระบบสาธารณูปโภคสาธารณะ การแทรกแซงให้ค่าเงินเยนอ่อนลง และมาตรการผ่อนคลายในเชิงปริมาณทางการเงิน (QE) ซึ่งทั้งหมดนี้ คาดว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในระยาวไปจนถึงปี 2020 และตลาดอสังหาริมทรัพย์ญี่ปุ่นจะได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย
“ปัจจัยบวกต่างๆ เหล่านี้ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยโตเกียวเป็นเป้าหมายที่นักลงทุนต่างชาติจำนวนมากเลือก ซึ่งนักลงทุนไทยเองไม่ควรมองข้าม”
ที่มา : bangkokbiznews
Tag :
“ได้วิวแม่น้ำ สวยขนาดนี้เลยรึนี่?!“ เป็นความรู้สึกของผมตอนที่ขึ้นไปชั้น 38 วิวสวยแบบไม่มีอะไรมาบดบังเลย มีมุมที่เห็นสวนเบญจกิติด้วย
สำหรับผมแล้ว BTS สถานี "ห้าแยกลาดพร้าว" เป็น สถานี Interchange กับ MRT ที่ผมชอบที่สุด และมักจะเป็นทำเลที่ผมแนะนำ ให้คนมาอยู่อาศัยมากที่สุดอันดับต้นๆเลย
มีความท้าทายเล็กๆ กับการเปลี่ยนอดีต ’สถานทูตออสเตรเลีย‘ ให้กลายมาเป็น ‘Luxury Condo’ และ ’Mixed-Use’ ระดับ ’iconic’ ริม ’ถนนสาทร‘
'เกือบหลับ แต่กลับมาได้' จะมีโครงการไหนกันเชียวที่จะเหมาะกับคำนี้ ถ้าไม่ใช่ 'Hyde Riverbay Charoennakorn' (ไฮด์ ริเวอร์เบย์ เจริญนคร)
โครงการใหม่ของ Major ที่แน่มาก แกร่งมาก เพราะไม่หวั่นไหวกับการต้องถูกขนาบข้างโดย Sansiri แบบรั้วชนรั้วเลย!
'dcondo calm Ramkhamhaeng 40' (ดีคอนโด คาล์ม รามคําแหง 40) ก็เป็นอีกโครงการที่ผมบอกเลยว่า คุณจะลืมภาพจำของแบรนด์ดีคอนโดแบบเดิมๆ ไปแทบหมดสิ้น เพราะโครงการนี้ เค้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้งสายสีส้มและสายสีเหลือง!!!
ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
ขออวดว่าผมได้รีวิวหนังสือเล่มนี้ก่อนหนหน้านี้แล้วด้วยนะ อิอิ แต่ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจรีวิวหรอก แต่เป็นคนอ่านหนังสือแล้วชอบ ‘Short Note’ ประโยคดีๆ คมๆ เก็บไว้ แต่ปรากฏว่ามันโดนบาดเยอะมาก จนสามารถเอามาลงในเพจได้เลย
ช่วงนี้ผมชอบเข้าไปดูงานออกแบบของ Foster + Partners บ่อยสุดๆ คือรู้สึกได้เลยว่าเราอินกับสไตล์การออกแบบของเค้ามากๆ ซึ่งถ้าใครไม่รู้ว่าเค้าคือใคร Foster + Partners คือบริษัทที่ออกแบบ Apple Store ตรงเซ็นทรัลเวิลด์ นั่นแหละครับ น่าจะพออ๋อกันขึ้นมาบ้างเนอะ
ยุคนี้ใครเค้าเที่ยวต่างประเทศกัน คนรวยเค้าเที่ยวนอกโลกครับ!
Apple Store นี่ไม่ว่าจะไปเปิดสาขาที่ไหน ก็สามารถกลายเป็นแลนด์มาร์คของที่นั้นๆ ได้ตลอด ล่าสุดเค้าเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย ไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งนี่เป็นสาขาแรกของมาเลเซีย
เดือน 7 กำลังจะผ่านพ้นอีกแล้วนะครับ ตอนนี้อากาศกำลังชุ่มฉ่ำแบบสุด ๆ ไปเลย ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณว่าดอกเบี้ยแบบคงที่เริ่มกลับมาแล้วนะ