แต่ก็มีอีกเสียงถามกันมาอีกว่า “มันจะเข้าหน้าฝนแล้วนะ ช่วงฤดูนี้มันจะน่าซื้อหรอ” เพราะในวงการอสังหาจะรู้กันดีว่าช่วงนี้เป็นช่วง Low Season
มักไม่ค่อยมีคนออกไปดูบ้านหรือซื้อบ้านเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็เพราะกลัวเรื่องฝนนั่นแหละ แต่จริง ๆ ผมอยากจะแอบบอกว่าช่วงหน้าฝนนี่แหละที่เหมาะกับการซื้อบ้านที่สุด 555
ในความคิดเห็นส่วนตัวของผม ผมคิดว่าการลงทุนอสังหานั้นไม่มีช่วงเวลาที่ดีที่สุดหรอก แต่มันอยู่ที่การมองเห็นโอกาสแล้วรีบคว้าไว้ให้ได้มากกว่า
และอย่างที่ผมได้บอกไปในบทความที่แล้วว่าช่วงเวลาตอนนี้แหละ ที่เราควรจะ “พลิกโควิดเป็นโอกาส” ถ้าใครมีความพร้อมก็ไม่ต้องมัวกังวลอะไรอีกต่อไปแล้ว
ตอนนี้แหละถึงเวลาที่พวกเราจะต้อง “ออกล่า” อสังหาราคาดีมาครอบครอง
ถึงแม้ช่วงนี้จะมีพายุฝนเข้ามาเป็นอุปสรรรควัดใจพวกเรากันอยู่ไม่น้อย บางทีแค่เห็นเมฆฝนมาก็ไม่อยากจะออกไปไหนกันแล้วใช่มั้ยล่ะ
แต่นี่ก็คือโอกาสที่ดี เพราะเราก็สามารถ “พลิกฤดูฝนเป็นโอกาส” ได้เช่นกัน
ว่าแล้วก็อย่ามัวเสียเวลา...
ตามผมไปดูกันเลยว่าการเลือกซื้ออสังหาช่วงหน้าฝนนั้นมี "ข้อดี" อะไรบ้าง จะได้เตรียมเช็คลิสต์ไว้ในใจ ก่อนไปออกล่าอสังหาราคาดีมาครอบครอง
1. ได้ส่องทำเลเหมือนอยู่เอง
คงจะมีไม่กี่คนหรอกเนอะที่เลือกซื้อบ้าน ซื้อคอนโด หรืออสังหาเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยต่างอากาศ ย้ายที่อยู่อาศัยตามฤดูกาลไปเรื่อย ๆ (แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีนะ 555)
ซึ่งในหัวข้อนี้ผมขอพูดถึงคนกลุ่มใหญ่อย่างตัวผมเองละกัน เราเลือกซื้ออสังหามาเป็นที่อยู่อาศัยทั้งทีเราก็กะจะอยู่กันยาว ๆ ฝ่าฟันทุกช่วงชีวิต ทุกมรสุมฤดูกาลไปกับที่อยู่นี้
และถ้าจะวัดใจกับปัญหาที่มีโอกาสเกิดกับอสังหาของเรามากที่สุด “ฝน” ถือเป็นเครื่องมือที่ทำร้ายอสังหาของเราได้มากที่สุด ถึงแม้ฝนจะทำให้เราเย็นชื่นใจในที่อยู่อาศัยของเราก็ตาม 555
ด้วยพื้นที่ในกรุงเทพนั้นมีทั้งที่ลุ่มที่ดอน รวมถึงระบบจัดการน้ำของเมืองหลวงเราก็ยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าแก้ไขได้ดี ปัญหาที่ตามมาเลยหนีไม่พ้นน้ำท่วมใกล้บริเวณที่พักอาศัย
แม้ปัจจุบันจะหลีกเลี่ยงได้ยาก แต่อย่างน้อยการมาซื้อที่อยู่อาศัยในหน้าฝน เราก็จะได้เห็นการจัดการระบบระบายน้ำของพื้นที่โดยรอบ ว่าเวลาฝนตกถนนหนทางในการเดินทางโครงการเป็นยังไง
เช่นถ้าถนนโดยรอบโครงการมีน้ำขังจะใช้เวลานานแค่ไหนแค่จะลด หรือในช่วงเวลาที่ฝนตกหนักสภาพการจราจรโดนรอบโครงการเป็นอย่างไร
รวมไปถึงการใช้ชีวิตในวันที่ฝนตกด้วยว่าถ้าเรามาอยู่อาศัยที่นี่ เราจะสามารถเดินออกมาหาอะไรกินใกล้ ๆ ในวันฝนตกหนักได้มั้ย อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ถ้าสำรวจไว้ก่อนก็ไม่เสียหายใช่มั้ยล่ะ
2. เห็นการจัดการระบายน้ำภายในโครงการ
หลังจากที่เราสำรวจทำเลโดยรอบของโครงการหรือบ้านที่เราสนใจไปแล้ว อีกหนึ่งอย่างที่เราควรจะไปสำรวจกันในช่วงเวลาที่ฝนตกก็คือ การจัดการระบายน้ำภายในโครงการ
จะเห็นกันได้ว่าเดี๋ยวนี้โครงการคอนโดใหญ่ ๆ เดี๋ยวนี้มักจะมีการสร้างที่จอดรถและพื้นที่ใช้สอยไว้ใต้ดินด้วย ซึ่งนี่ก็เป็นอีกจุดที่เป็นจุดพักน้ำได้เหมือนกัน
เพราะถ้าทางโครงการไม่มีการจัดการน้ำให้ดี ปริมาณน้ำฝนที่สะสมปริมาณมาก ๆ ก็อาจจะเอ่อล้นและท่วมพื้นที่ภายในโครงการได้
ซึ่งข้อนี้ส่วนใหญ่แล้วถ้าเป็นโครงการคอนโดหรือที่อยู่อาศัยที่เพิ่งจะก่อสร้างใหม่ก็พอจะวางใจได้ เพราะจะมีการจัดการระบายน้ำในโครงการได้ดีขึ้นมากกว่ารุ่นเก่าๆ
นอกจากจะถมที่ดินสูง มีช่องทางระบายน้ำหลายทาง ยังทำให้ผู้ซื้ออย่างเราเห็นถึงความใส่ใจในการจัดการปัญหาเรื่องน้ำของโครงการ
แต่ถ้าเราเลือกซื้อโครงการที่สร้างเสร็จแล้วซักระยะหนึ่ง หรือโครงการที่ไม่ได้ใส่ใจกับการจัดการน้ำเท่าที่ควร ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาต่อการอยู่อาศัยของเราในอนาคตได้เช่นกัน
3. พื้นที่ใช้สอยภายในก็เสี่ยงไม่แพ้กัน
หลังจากที่เราดูทำเลภายนอก และการจัดการน้ำภายในโครงการแล้วก็ได้เวลาเข้ามาดู "ภายในที่พักอาศัย" ของเรา เข้ามาลึกขึ้นเรื่อย ๆ ตามสเต็ป 555
ไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรือคอนโด พื้นที่ ๆ เราใช้งานมากที่สุดก็ต้องยกให้กับพื้นที่ใช้สอยภายในที่อยู่ของเราเนี่ยแหละเนอะ
ดังนั้นแล้วพื้นที่ภายในก็ไม่ควรจะมีรอยรั่วซึมของน้ำในส่วนใด ๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่พวกเราควรตรวจสอบตั้งแต่ก่อนตัดสินใจซื้อเลยนะ
โดยส่วนใหญ่พวกเราก็มักจะตัดสินใจซื้อบ้าน ซื้อที่อยู่อาศัยกันในวันที่สภาพอากาศแจ่มใส ทำให้เราพลาดโอกาสที่จะได้ตรวจสอบความเรียบร้อยนี้
เพราะงั้นการที่เราหาเวลาไปดูที่อยู่อาศัยของเราในช่วงเวลาที่ฝนตกก็เป็นสิ่งควรทำอย่างยิ่ง เพราะถ้าสภาพอากาศปกติเราก็สำรวจได้เพียงการระบายน้ำจากการเทน้ำหรือใช้สายยางฉีดซึ่งอาจจะไม่รุนแรงเท่าฝนที่เราต้องเจอในอนาคต 5555
จุดที่เราควรสังเกตให้ดีเป็นพิเศษก็เช่น บริเวณระหว่างวงกบและผนังปูนมีรอยรั่วซึมหรือไม่ บริเวณระเบียงมีการระบายน้ำได้เหมาะสมจนไม่ทำให้น้ำขังเมื่อฝนตกหรือเปล่า ซึ่งทั้งหมดนี้หากเราพบเจอก่อนก็ยังสามารถแก้ไขได้ทันก่อนที่จะโอนนั่นเอง
4. อากาศและความชื้น ฝนตกก็บอกได้
สิ่งหนึ่งที่มาพร้อมกับฝนก็คือ “ลม” ซึ่งเจ้าสิ่งนี้แหละ ที่เป็นสิ่งคอยช่วยให้เราสามารถอยู่อาศัยได้อย่างสบายเช่นกัน
สิ่งที่ผมกำลังจะสื่อก็คือเราสามารถตรวจเช็คการระบายอากาศภายในห้องของเราได้ในช่วงฤดูฝน เพราะถ้าที่อยู่อาศัยนั้นมีลมมาช่วยระบายอากาศไม่ดีเท่าที่ควร ก็จะเกิดการอับชื้นตามมานั่นเอง
“การอับชื้น” อาจดูเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนมองว่าเป็นเรื่องเล็กและไม่ให้ความสนใจ อาจเพราะเห็นว่าเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ชื้นแค่ไหนเดี๋ยวก็ระเหยออกไปหมด
แต่เปล่าเลย... ความชื้นเป็นอันตรายใกล้ตัวที่เรามองไม่เห็นด้วยตาป่าว เมื่อสะสมนาน ๆ ก็จะทำให้เกิดกลิ่นอับภายในห้อง จนรู้สึกหายใจไม่สะดวกสบายได้
นอกจากนี้ถ้ายังปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน มุมที่เกิดการอับชื้นก็อาจเกิดเป็นเชื้อราขึ้นมาก็ได้ และนี่ก็จะเป็นที่สะสมของเชื้อโรคทำให้มีปัญหาต่อสุขภาพได้ในอนาคต
เพราะฉะนั้นการไปเข้าชมที่อยู่อาศัยในขณะที่ฝนตกก็เป็นสิ่งที่ห้ามพลาด ถ้าเป็นคอนโดก็จะได้ดูทิศทางของแดด ลม ฝน ว่ากระทบกับห้องของเราแล้ว หน้าต่าง ประตู ป้องกันฝนได้ดีแค่ไหน หรือเกิดปัญหาอื่น ๆ หรือไม่อีกด้วย
5. ซื้อบ้านหน้าฝน มากับโปร แล้วก็มากับโปร
อย่างที่ผมบอกไปตอนต้นบทความเลย... ในวงการอสังหาจะรู้กันดีว่าช่วงฤดูฝนเป็นช่วง Low Season ของการซื้อขายอสังหา ไม่ค่อยมีคนออกไปดูบ้านหรือซื้อบ้านเท่าไหร่
ซึ่งนี่แหละเป็นข้อดีที่ทำให้เรามักจะเห็นโปรหนัก ๆ ระทึกใจของโครงการต่าง ๆ ออกมาดึงดูดลูกค้าในช่วงนี้ของปีเสมอ
บวกกับช่วงนี้ที่มีภาวะเศรษฐกิจซบเซา คนไม่ค่อยจับจ่ายจากวิกฤติโควิด 19 ด้วยแล้ว ทำให้ช่วงนี้ยิ่งโปรโมชั่นดี ๆ ออกมาให้พวกเราเลือกมากเป็นพิเศษ
และถ้าเพื่อน ๆ กำลังมองหาโปรคอนโดหรือรีวิวดี ๆ ก็ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล เพราะ
คอนโดติดดอย ของเราคองสอดส่องและหาโปรเด็ด ๆ มาให้เพื่อน ๆ ตลอดปีอยู่แล้ว ฮ่า ๆๆ
ดังนั้น!!! หน้าฝนนี้แหละที่เป็นโอกาสดีของคนที่อยากมีบ้าน หรืออสังหาไว้ครอบครอง อย่าปล่อยเวลาไปให้เสียเปล่า จนพลาดโอกาสดี ๆ กันไปล่ะ
ลองหาเวลาว่าง ๆ ลิสต์โครงการที่สนใจ แล้วหยิบร่มออกจากบ้านไปสำรวจโครงการนั้นดู พอโดนพายุฝนโหมกระหน่ำไปขนาดนี้ จะยังอยู่รอดปลอดภัยกันดีไหม 555
เพราะสถานการณ์โควิดมารวมพลังกับฤดูฝนแบบนี้
ถึงแม้การลงทุนอสังหาจะเป็นเรื่องที่ทำให้เราหนักใจ แต่อย่าลืมว่าอีกไม่นานวิกฤติและฤดูฝนก็จะผ่านพ้นไป ถ้าเราไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ เราก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากมันเลย... บ๊ายบายยยยย :)