ข่าวดังของวงการเทคโนโลยีช่วงนี้น่าจะหนีไม่พ้นข่าวที่ว่า Facebook ประกาศรีแบรนด์ชื่อบริษัทเป็น Meta นี่แหละครับ
พูดไปแล้วมันก็นานมากแล้วนะที่เรารู้จัก Facebook และคำว่า Facebook มันก็แทบจะกลายเป็นคำที่ใช้เรียกสื่อโซเชียลมีเดียทั้งหลายเหมือนกัน การประกาศรีแบรนด์ครั้งนี้เลยน่าสนใจมากที่ว่าหลังจากนี้ต่อไป Facebook จะไปในแนวทางไหนกัน
คร่าวๆ ของทาง Facebook คือเค้าจะเปลี่ยนชื่อและรีแบรนด์บริษัทที่อาจรวมไปถึงบริการต่างๆ ในเครือไม่ว่าจะเป็นแอปฯ Facebook, Instagram และ WhatsApp
ส่วน Meta ก็ถูกเลือกให้ใช้เป็นการ Portray กับวิสัยทัศน์ที่จะสร้าง Metaverse ให้สัมผัสด้วย Mixed Reality หลากหลายประเภทของเค้า ถือเป็นการปลุกกระแสให้โลกของ Metaverse ถูกจับตามองมากยิ่งขึ้นในยุคนี้ครับ
ตอนนี้เราอาจจะยังไม่เข้าใจภาพรวมของ Metaverse ดีนัก แต่ว่าในอนาคตมันอาจเป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดาไปก็ได้นะ
เหมือนสมัยก่อนที่เราใช้มือถือฝาพับและนึกภาพไม่ออกว่าปัจจุบันนี้เราจะใช้มือถือจอสัมผัสที่ทำได้ทุกอย่างในเครื่องเดียวนี่แหละ (แต่ใครที่สนใจเรื่องของ Metaverse อยากรู้ว่มันคืออะไร สามารถเข้าไปอ่านกันได้ ที่นี่ ครับ)
พูดถึงการรีแบรนด์ในครั้งนี้หลายคนอาจจะตั้งคำถามขึ้นมาว่ารีแบรนด์ไปทำไม ยังไงซะ Facebook ก็ดังอยู่แล้วนี่ แต่อย่าลืมนะครับว่าการรีแบรนดิ้งก็คือหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดที่สำคัญ เป็นการปรับภาพลักษณ์องค์กรในลักษณะหนึ่ง หลายๆ บริษัทที่ถึงจุดอิ่มตัว อยากลองเสี่ยงปรับทิศทางใหม่ก็ต้องหันมารีแบรนดิ้งกันทั้งนั้น
อีกหนึ่งสาเหตุของการรีแบรนดิ้งคือการกอบกู้ภาพลักษณ์ครับ อย่างที่ทราบกันว่าช่วงนี้พี่มาร์กแกอ่วมไม่น้อย หลายปัญหารุมเร้าและกำลังถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น การรีแบรนด์ในช่วงวิกฤตก็เป็นตัวเลือกหนึ่งในการกอบกู้ภาพลักษณ์กลับมาเหมือนกัน
แบรนด์ดังยักษ์ใหญ่ทั้งไทยและเทศหลายแบรนด์ก็เลือกทำแบบนี้นะ แถมยังเยอะเสียด้วย วันนี้ผมเลือกหยิบมาพูดคุยกันเพื่อดูว่าหลังจากที่แบรนด์ดังเหล่านี้รีแบรนดิ้งด้วยการเปลี่ยนชื่อแล้ว เกิดอะไรขึ้นบ้าง ประสบความสำเร็จหรือไม่ และทำไมพวกเขาต้องทำอย่างนั้น ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจไม่น้อยเชียวนะ
SCB เปลี่ยนชื่อเป็น SCBX
ขอเริ่มจากกรณีของบ้านเราก่อนครับเพราะเพิ่งผ่านไปไม่นานนี้เองกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง SCB หรือก็คือ “ธนาคารไทยพาณิชย์” ผู้ให้บริการด้านธนาคารและบริการด้านการเงินครบวงจร ทางนี้เค้าเพิ่งจะรีแบรนด์กันไปจาก SCB เป็น SCBX ถือว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่ครั้งใหญ่ที่ถูกพูดถึงมากเป็นวงกว้างเลยล่ะ
SCB ประกาศขอเป็นมากกว่า “ธนาคาร” ก้าวขึ้นยานแม่ลำใหม่เพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจ ก้าวเข้าสู่โลกแห่งเทคโนโลยีการเงิน หรือก็คือ Fintech ทั้งเทคโนโลยี ดิจิทัลไฟแนนซ์ และแพลตฟอร์มอื่นๆ พร้อมแตกไลน์ธุรกิจอีกกว่า 15 บริษัทในนาม "ขุนพลตระกูล x" ตั้งเป้า 3 ปีข้างหน้า SCBX จะสร้างการจดจำใหม่ เป็น “ตระกูล X” ที่มีความขลังของ SCB Bank และความใหม่ของธุรกิจ X ทั้งหมดด้วย
Google เปลี่ยนชื่อเป็น Alphabet
ส่วนบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่ผมอยากให้เห็นในอีกมุมหนึ่งคือพี่กู๋ Google ครับ เพราะทางนี้ออกมาคล้ายๆ กับที่ Facebook เปลี่ยนชื่อเป็น Meta ก่อนหน้านั้นขอย้อนกลับไปในปี 1998 ก่อนที่เดิมทีชื่อเก่าเค้าคือ BackRub แต่มาเปลี่ยนเป็น Google ที่เราติดหูกัน จนปี 2015 นี่แหละที่ทาง Google มีแผนการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อให้การบริหารงานในส่วนธุรกิจใหม่ๆ ของเค้ามีความคล่องตัวมากขึ้น ไม่ได้จำกัดแค่บริการเสิร์ชเอนจินอย่างเดียว
ทางนี้ก็เลยจัดตั้งบริษัทใหม่ในชื่อ Alphabet เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ไม่มีธุรกิจหลักของตัวเองแต่ว่าถือหุ้นในกิจการต่างๆ ทำให้บริษัทใหม่ดำเนินงานได้อิสระ แต่ถึงอย่างนั้นชื่อ Alphabet กลับไม่ได้เป็นที่จดจำครับ เพราะคนก็ยังเรียกกันว่า Google อยู่ดี แถมกระทั่งตอนนี้บริษัท Alphabet ก็ยังต้องเจอกับการตรวจสอบด้านการต่อต้านการผูกขาดอยู่ด้วย แต่พูดถึงในแง่ของราคาหุ้นนั้น ราคาหุ้นของ Alphabet กลับพุ่งขึ้นเกือบห้าเท่านับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อนะ
Apple Computer เปลี่ยนชื่อเป็น Apple
อีกหนึ่งแบรนด์ที่น้อยแต่มากที่แท้นั่นคือการเปลี่ยนแปลงของ Apple ครับ มันไม่มีอะไรเลยล่ะ จากชื่อเดิม Apple Computer ในปี 2007 เค้าก็ตัดคำว่า Computer ออก แล้วเปลี่ยนเป็น Apple เฉยๆ เท่านั้นเอง แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับทำให้ราคาหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นเกือบ 1,200% ในทศวรรษที่ผ่านมาเลยเชียว
กลยุทธ์นี้ง่ายมากครับ มันคือการสร้างสิ่งใหม่ๆ ให้แตกแขนงออกไปได้มากมายโดยไม่ถูกจำกัดแค่ชื่อของแบรนด์ การตัดคำว่า Computer ออกจาก Apple Computer ก็สะท้อนให้เห็นว่าตัวแบรนด์ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์เท่านั้นนะ แต่เรายังใส่ใจในกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ ด้วยนั่นเอง
Tesla Motor เปลี่ยนชื่อเป็น Tesla Inc.
อีกหนึ่งธุรกิจใหญ่ที่ใช้กลยุทธ์คล้ายกันกับทาง Apple คือ Tesla ของอีลอน มัสก์ครับ จากเดิมใช้ชื่อว่า Tesla Motor ก็เปลี่ยนชื่อใหม่ซะ เป็น Tesla Inc. เพื่อรองรับการแตกไลน์ของผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมของเค้าที่จำหน่ายทั้งรถยนต์ โซลาร์รูฟ เพาเวอร์วอลล์ และอื่นๆ อีกมากมาย ไปถึงธุรกิจในอวกาศแล้วด้วยซ้ำ
Apple ไม่อยากผลิตแค่คอมพิวเตอร์ฉันใด Tesla ที่ไม่มี Motors ต่อท้ายก็ไม่อยากเป็นแค่ธุรกิจรถยนต์ฉันนั้น เป็นหนึ่งในกลยุทธ์รีแบรนดิ้งที่น้อยแต่มาก แถมคนยังไม่มีปัญหากับชื่ออีกต่างหาก
Garena เปลี่ยนชื่อเป็น SEA
ผมขอแวะมาดูค่ายนี้สักนิดครับ เพราะเป็นตลาดที่น่าสนใจและเป็นยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจเหมือนกัน เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จัก Garena บริษัทสัญชาติสิงคโปร์ที่ดำเนินกิจการทางด้านออนไลน์มานาน แต่เค้าไม่ได้ทำแค่เกมออนไลน์ แต่ยังมี E-Commerce อย่าง Shopee และ E-Wallet อย่าง Airpay ด้วย
และการทรานส์ฟอร์มบริษัทใหม่เป็น SEA Limited ของเค้าก็คือการรีแบรนด์ก้าวสู่ผู้นำด้านมัลติแพลตฟอร์มที่ให้บริการหลายรูปแบบอย่างที่ว่าไปนั่นแหละครับ แถมชื่อ SEA ของเค้ามันก็มาจากชื่อย่อของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia) สื่อถึงความได้เปรียบในฐานะเจ้าบ้านที่อยู่ในภูมิภาค และหมายถึงทะเลที่เชื่อมทุกๆ ตลาดเอาไว้ด้วยกัน
ที่ผมหยิบยกมาเป็นตัวอย่างในวันนี้เป็นเพียงแบรนด์ยักษ์ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีนะครับ แต่ว่านอกเหนือจากนี้ยังมีแบรนด์ดังอีกหลายเจ้าเลยที่ใช้การรีแบรนดิ้งมาผลักดันให้ธุรกิจของตนเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จไปทั้งหมดนะ
แต่ถึงจะเสี่ยงก็ต้องลองครับ อีกอย่างการย่ำอยู่กับที่ก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยิ่งกับบริษัทที่มุ่งเน้นไปในเรื่องของเทคโนโลยีแล้วด้วย
เพราะ Tech ไปไว แต่แบรนด์ต้องไปให้ไวกว่าครับ
Tag :
“ได้วิวแม่น้ำ สวยขนาดนี้เลยรึนี่?!“ เป็นความรู้สึกของผมตอนที่ขึ้นไปชั้น 38 วิวสวยแบบไม่มีอะไรมาบดบังเลย มีมุมที่เห็นสวนเบญจกิติด้วย
สำหรับผมแล้ว BTS สถานี "ห้าแยกลาดพร้าว" เป็น สถานี Interchange กับ MRT ที่ผมชอบที่สุด และมักจะเป็นทำเลที่ผมแนะนำ ให้คนมาอยู่อาศัยมากที่สุดอันดับต้นๆเลย
มีความท้าทายเล็กๆ กับการเปลี่ยนอดีต ’สถานทูตออสเตรเลีย‘ ให้กลายมาเป็น ‘Luxury Condo’ และ ’Mixed-Use’ ระดับ ’iconic’ ริม ’ถนนสาทร‘
'เกือบหลับ แต่กลับมาได้' จะมีโครงการไหนกันเชียวที่จะเหมาะกับคำนี้ ถ้าไม่ใช่ 'Hyde Riverbay Charoennakorn' (ไฮด์ ริเวอร์เบย์ เจริญนคร)
โครงการใหม่ของ Major ที่แน่มาก แกร่งมาก เพราะไม่หวั่นไหวกับการต้องถูกขนาบข้างโดย Sansiri แบบรั้วชนรั้วเลย!
'dcondo calm Ramkhamhaeng 40' (ดีคอนโด คาล์ม รามคําแหง 40) ก็เป็นอีกโครงการที่ผมบอกเลยว่า คุณจะลืมภาพจำของแบรนด์ดีคอนโดแบบเดิมๆ ไปแทบหมดสิ้น เพราะโครงการนี้ เค้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้งสายสีส้มและสายสีเหลือง!!!
ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
ขออวดว่าผมได้รีวิวหนังสือเล่มนี้ก่อนหนหน้านี้แล้วด้วยนะ อิอิ แต่ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจรีวิวหรอก แต่เป็นคนอ่านหนังสือแล้วชอบ ‘Short Note’ ประโยคดีๆ คมๆ เก็บไว้ แต่ปรากฏว่ามันโดนบาดเยอะมาก จนสามารถเอามาลงในเพจได้เลย
ช่วงนี้ผมชอบเข้าไปดูงานออกแบบของ Foster + Partners บ่อยสุดๆ คือรู้สึกได้เลยว่าเราอินกับสไตล์การออกแบบของเค้ามากๆ ซึ่งถ้าใครไม่รู้ว่าเค้าคือใคร Foster + Partners คือบริษัทที่ออกแบบ Apple Store ตรงเซ็นทรัลเวิลด์ นั่นแหละครับ น่าจะพออ๋อกันขึ้นมาบ้างเนอะ
ยุคนี้ใครเค้าเที่ยวต่างประเทศกัน คนรวยเค้าเที่ยวนอกโลกครับ!
Apple Store นี่ไม่ว่าจะไปเปิดสาขาที่ไหน ก็สามารถกลายเป็นแลนด์มาร์คของที่นั้นๆ ได้ตลอด ล่าสุดเค้าเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย ไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งนี่เป็นสาขาแรกของมาเลเซีย
เดือน 7 กำลังจะผ่านพ้นอีกแล้วนะครับ ตอนนี้อากาศกำลังชุ่มฉ่ำแบบสุด ๆ ไปเลย ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณว่าดอกเบี้ยแบบคงที่เริ่มกลับมาแล้วนะ