มาถึงสถานีสถานีลำดับที่สาม(นับจากสถานีพหลโยธิน 24) ของซีรีย์ติดดอยส่องทำเลกันแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ผมได้พูดไปแล้ว 2 สถานี คือ สถานีพหลโยธิน24 และ สถานีรัชโยธิน

 

        เรียกได้ว่ามาครึ่งทางแล้ว คราวนี้ก็มาถึงคิวของ "สถานีเสนานิคม" ซะที ก่อนที่จะไปกันเป็นข้อ ๆ ผมขอพูดแบบคร่าว ๆ เกี่ยวกับสถานีเสนานิคมก่อนซักนิดหน่อย

เสนานิคม เป็นอีกละแวกย่านหนึ่ง ที่เด็กจากมอเกษตรเลือกมาปักหมุดอยู่กันเยอะมาก ๆ ด้วยความพร้อมหรือความสะดวกสบายที่ค่อนข้างมีอยู่มากเลยทีเดียว ทั้งตลาด ร้านอาหาร การเดินทาง แหล่งชุมชนฯ

 

        ในการมาของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวครั้งนี้ถือว่าเข้ามาตอบโจทย์ผู้คนในละแวกนี้มาก ๆ ไม่เพียงแต่นิสิตนักศึกษาเท่านั้นนะ เรื่องของคอนโดและรถไฟฟ้าที่ถือว่าเป็นของคู่กันราวกับซ้อมกับช้อน เสื่อกับหมอน ตะปูคู่ค้อน โรงหนังกับป๊อปคอร์น(55555 อ่านให้เป็นทำนองเพลง)

 

        เอาล่ะ ๆ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ที่ผมเกริ่น ๆ ไปแบบนี้ทั้งเรื่องของจุดปักหมุดของเด็กเกษตร และ เรื่องรถไฟฟ้า ผมเชื่อว่าสถานีนี้ต้องมีโครงการใหม่ ๆ น่าสนใจมาให้เล่นกันเพียบแน่ ๆ

อย่ารอช้าให้เสียเวลา ตามผมไป "สำรวจที่เสนาฯ" กัน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

        แต่เดี๋ยว ขอวกกลับเข้าตลาดบางเขนก่อน อีกจุดปักหมุดสำคัญของสถานีเสนานิคมฯนี่แหละ ใกล้ ๆ กันเป็นซอย พหลโยธิน 34/1 ผมแอบเข้าไปดูในซอย (เพราะเห็นว่ามันคึกคัก) ร้านข้าวปลาอาหารเยอะเนี้ย ไม่แปลกใจหรอก เพราะมันทะลุตลาดได้ แต่อีกจุดที่ผมสังเกตเห็นคือ ซอยนี้มีคิวรถกระป๊อต่อแถวซะยาวเชียว แถมมีรถสองแถวด้วย ปราย ๆ ตามองเดินสวนหนุ่มสาวใส่เสื้อนิสิตนักศึกษาอยู่เยอะเลย แสดงให้เห็นว่าข้อมูลที่ผมสืบมาก่อนหน้านี้ไม่ผิดเลยแฮะ จุดที่เด็กเกษตรฯเลือกอยู่เยอะจริง ๆ

 

 

 

 

 

        นอกจากนิสิตนักศึกษาจะเยอะแล้ว ที่เยอะมากไม่แพ้กันเลย เห็นทีจะเป็นพี่ ๆ Grab Food นี่แหละ หิวพอดี แต่ด้วยความที่ของกินเยอะแยะละลานตาไปหมด ผมเลือกไม่ถูก ผมเลยเลือกร้านที่ออตสุดจากแถวที่พี่ ๆ Grab Food เค้ารอคิวกันย๊าวยาวว จนผมต้องเข้าไปโซ้ยตาม คือร้านข้าวมันไก่เจ๊อ้วน ตลาดบางเขน

 

 

        ด้วยความหิวหน้ามืดตาลาย ผมโซ้ยจนลืมถ่ายมาฝากเลยทีเดียว แต่เอาเป็นว่าอร่อยจริง สมกับที่พี่แกร๊บเค้าต้องมาต่อคิวซื้อกันเลย ทีเด็ดของร้านนี้ผมว่าคือน้ำจิ้มนี่แหละ ปกติแล้วผมไม่ค่อยชอบกินขิงนะแต่ร้านนี้ใส่ขิงเยอะจุใจ แต่ผสมผสานรสชาด ออกมาแล้ว ผมลืมไปเลยว่าเราไม่ชอบกินขิงนี่หว่า อีกอย่างคือไก่ ผมงงแฮะ เค้าทำยังไงให้ไก่นุ่มกิน ๆ แล้วเพลินดี เพลินจนแอบรู้สึกว่าน้อยไปหน่อย ไม่อิ่มเท่าไหร่ ใครกินเยอะคงต้องเบิ้ล เอาเป็นว่าใครมีโอกาสได้มาแถวนี้ หรือ สนใจจะมาอยู่แถวเสนานิคมฯแล้วรู้สึกว่าของกินเยอะ เลือกไม่ถูก ก็มาลองข้าวมันไก่เจ๊อ้วนตามผมได้เลย

 

 

 

 

        สายตลาดแฮปปี้แต่สายห้างอาจจะเฉย ๆ กับสถานีนี้ เพราะสถานีนี้ไม่มีห้างสรรพสินค้าเลย แต่เอาความจริงผมไม่ได้มองว่าเป็นจุดบอดนะ เพราะเสนานิคมอยู่ติดกับสถานีรัชโยธิน ที่มีเมเจอร์รัชโยธินอยู่ซึ่งตรงนี้ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคมากนัก นั่งรถไฟฟ้าไปอีกสถานีเดียวเอง ชิลล์ๆ หรือจะรถเมล์ก็ได้ นั่งยาว ๆ ไปลงยูเนี่ยน – เซ็นทรัลลาดพร้าว ก็ยังได้

 

        แต่ข้อได้เปรียบของสถานีเสนานิคมเนี้ยอย่าลืมว่าห้างอาจจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อเศรษฐกิจ แต่ปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิตคือโรงพยาบาล เพราะนอกจากช่วงสถานีเสนานิคมจะมีตลาดใหญ่ ๆ อยู่ในรัศมีทำเลแล้ว ยังมีโรงพยาบาลใกล้ ๆ อย่างโรงพยาบาล เปาโล เกษตร ที่ผมมองว่ายังไงซะ การมีโรงพยาบาลอยู่ใกล้ขนาดนี้ ถึงจะไม่เจ็บไข้ได้ป่วยแต่มันก็รู้สึกอุ่นใจอยู่เยอะพอควรเลยนะ

 

        ส่วนเรื่องสำนักงานต่าง ๆ ผมไม่ค่อยเห็นแฮะ หรือผมไม่รู้เองหว่า แต่เอาเป็นว่า สถานีนี้เรื่องของกินและสถานพยาบาลผมให้ 10 แต้ม

 

 

        ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ที่ค่อนข้างจะครบครัน จนเรียกได้ว่ากลายเป็นจุดเด่นหลัก ๆ ที่ชูทำเลหรือย่านนี้ให้แข็งแกร่งแล้วเส้นทางการเดินทางยังสามารถเข้าสู่ได้ทั้งลาดพร้าววังหินและโชคชัย 4 เป็นทำเลที่น่าอยู่ เพราะเป็นย่านชุมชนแต่ก็ยังคงค่อนข้างสงบมากเลยทีเดียว

 

        ผมมองว่าตลาดอสังหาในย่านนี้น่าจะตอบโจทย์ลูกค้าที่อยู่ในระดับกลางซะมากหน่อย เน้นกลุ่มคนวัยทำงาน และ กลุ่มนิสิต นักศึกษา อย่างที่ผมบอกไปว่าจุดนี้เป็นจุดที่น้อง ๆ นิสิตนักศึกษาเลือกอยู่กันเยอะ ยีลล์ตรงนี้จึงดีมาก ๆ เพราะทำเลก็ดี แล้วยังมีคนอยู่เรื่อย ๆ อีก ซึ่งไม่ใช่แค่ผมที่คิดแบบนี้นะ ผู้ประกอบการแต่ละรายเค้าก็คิดแบบเดียวกันนั่นแหละ

 

 

 

 

 

 

 

 

       เริ่มต้นที่โครงการแรกของลุงลุมสำหรับ “ลุมพินี ปาร์ค พหลโยธิน32” ด้วยจุดเด่นของโครงการที่ใกล้รถไฟฟ้าแค่ 200 เมตร เท่านั้น

 

        โครงการนี้เป็นโครงการแบบ High Rise 30 ชั้น 1 อาคาร 546 ยูนิต ด้วยระยะห่างจากรถไฟฟ้าถึงตัวโครงการจะไม่มากแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่ผมขอพูดถึงคร่าว ๆ คือตัวโครงการติดถนนใหญ่ ที่เป็นถนนสัญจรสายหลัก อยู่ที่นี่เดินทางสะดวกเลย ทั้งมุ่งหน้าเข้าเมืองและออกนอกเมือง เพราะถนนเส้นหลักที่ว่าเนี้ย ก็คือพหลโยธินนั่นแหละ มีถนนหลายเส้นรอบข้างมาตัดผ่านทั้งรัชดาภิเษก ลาดพร้าว งามวงศ์วาน ประเสริฐมนูกิจ ผมว่าโครงการนี้คงถูกใจทั้งคนใช้รถส่วนตัว และ คนใช้รถสาธารณะอย่างแน่นอน

 

 

 

        โครงการถัดมาเป็นโครงการ เอลลิโอ เดล มอสส์ ที่จะบอกว่าใกล้ก็ไม่ใช่ ไกลก็ไม่เชิง โครงการนี้อยู่ในซอยพหลโยธิน34 ก็ต้องเข้าซอยกันไปอีกซักหน่อย แต่อย่างที่ผมบอกแหละว่าย่านนี้ค่อนข้างสะดวก เรื่องเดินทางรถเล็กรถน้อยมีไว้ให้ใช้บริการกันอยู่แล้ว โครงการนี้โดดเด่นเรื่องของฟังก์ชันและการใช้พื้นที่ที่เน้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ผมเคยเข้าไปดูโครงการของเค้าอยู่ครั้งหนึ่ง แอบรู้สึกว่าส่วนกลางเค้าเยอะดีแฮะทั้งสระว่ายน้ำ , Co-Working Space, Co-Studying Area, พื้นที่สีเขียว ฯ เป็นอีกโครงการที่ส่วนกลางเด่นและน่าสนใจเอามาก ๆ

 

        อยู่นี่ไม่ต้องกลัวเหงาเพราะ โครงการนี้เป็นโครงการแบบ Low Rise 8 ชั้น 8 อาคาร จำนวน 1,522 ยูนิต ด้วยกัน ที่สำคัญผมว่าโครงการนี้ราคาน่าคบหาอยู่นะ เริ่มแค่ล้านต้น ๆ แต่ไม่รู้ว่าหลังรถไฟฟ้าเปิดแล้ว ราคาจะพุ่งไปอยู่ที่เท่าไหร่นะ เอาเป็นว่า ใครเล็งทำเลแถวนี้อยู่ ลองแกล้ง ๆ เข้าไปดูกันก็ได้ เพราะโครงการเค้าเสร็จแล้วด้วย

 

 

 

 

        โครงการติดถนนใหญ่อีกโครงการหนึ่ง สำหรับ พริมิโอ ควินโต จุดเด่นของโครงการนี้คล้าย ๆ กับลุมพินี ตัวแรกที่ผมพูดผ่านมา คือเรื่องเดินทาง ด้วยความที่เค้าติดถนนใหญ่อย่างพหลโยธินเหมือนกันดังนั้น เรื่องการเดินทางจึงเป็นตัวชูโรงของเค้าแหละ

 

        แต่พริมิโอ ควินโต เป็นโครงการแบบ Low Rise 8 ชั้น 4 อาคาร 439 ยูนิต ซึ่งต่างจากตัวลุมพินีที่เป็นแบบ High มีหนึ่งอาคาร แต่อย่างที่บอกว่าทั้งสองเจ้าเด่นเรื่องการเดินทางจริง ๆ ใครชอบโครงการไหนคงต้องชั่งใจเลือกกันพอควร

 

 

 

 

        โครงการนี้ผมขอสารภาพตามตรงว่าแอบคิดว่าเป็นของลุงลุม555555 (ชินกับคำว่าวิลล์) แต่แก้ตัวไว้ก่อนว่าไม่ใช่ของลุมพินีนะ เค้าเป็นของ สิริพัช เอสเตท วัน ซึ่งอาจจะเป็นชื่อที่ไม่ได้ติดหูกันมากเท่าไหร่นัก แต่ผมขอบอกไว้เลยว่าการมาปักหมุดโครงการตรงนี้ของเค้าน่าจับตามองมาก เพราะมันใกล้รถไฟฟ้าเอามาก ๆ และที่สำคัญพื้นที่ตั้งโครงการของเค้าอยู่ตรงข้ามตลาดเกษตรเลยนะ บริเวณทางม้าลาย คือออกจากคอนโดข้ามถนนไปหาของกินได้เลย อันนี้ต้องให้คะแนน

 

        และดูเหมือนจะเป็นโครงการเล็ก ๆ ไม่ได้ใหญ่โตมาก คนชอบความสะดวกสบายอาจจะเซย์เยส The Ville Express Ratchayothin เค้าเป็นโครงการแบบ Low Rise 8 ชั้น จำนวน 107 ยูนิต ถือเป็นอีกโครงการที่ตัวเลือกที่ดีเลย

 

 

 

 

        อีกหนึ่งโครงการของพี่อัศวิน ที่ไปลงเสาร์เข็มอยู่ในย่านนี้ ซึ่งถึงแม้ชื่อโครงการ ไนท์บริดจ์ เกษตร โซไซตี้ แต่โครงการนี้อยู่ใกล้เสนานิคมมากกว่าเกษตรนะ 55555 เอาเป็นว่าใครชอบความ Private สงบ ๆ น่าจะโดนใจกันแหละ เพราะจุดเด่นของโครงการนี้คือความ Private ด้วยจำนวนยูนิตต่อชั้นไม่เยอะมาก (เรียกว่าน้อยเลยแหละ) แค่ 6-8 ยูนิตเอง!! ใช่อ่านไม่ผิด 6-8 ยูนิต กับคอนโดแบบ High Rise 20 ชั้น 2 อาคาร และ 16 ชั้น 1 อาคาร ส่วนจำนวนยูนิตรวมแค่ 332 ยูนิตเอง สายรักความสงบผมว่าโครงการนี้เข้าท่ามาก ๆ

 

 

 

 

 

       มาจนถึงตรงนี้ ผมขอสรุปเลยแล้วกันว่าทำเลช่วง “สถานีเสนานิคม” เป็นสถานีที่ตอบโจทย์ในเรื่องของการใช้ชีวิตมากจริง ๆ ทั้งของกิน สถานพยาบาล การเดินทาง และ ขนส่งสาธารณะ

 

        ซึ่งทำเลช่วงนี้ ต่างเป็นอีกหนึ่งทำเลที่ผู้ประกอบการแต่ละรายเข้ามาฉกชิงพื้นที่กันจำนวนมาก นับตั้งแต่มีการสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวขึ้นมา เพราะโครงการใหม่เยอะจริง ๆ ถือเป็นโครงการที่รถไฟฟ้า

 

        นอกจากจุดเด่นเรื่องของปากท้อง อาหารการกิน การเดินทางแล้ว ผมมองว่าด้วยพื้นที่ที่มีการอยู่อาศัยอย่างเป็นชุมชน แต่ยังไม่ได้หนาแน่นจนอึดอัด ทำให้ช่วงเสนานิคม ยังคงเป็นทำเลที่น่าอยู่มาก ๆ รวมทั้งการที่นักศึกษาส่วนมากเลือกอยู่ที่ทำเลช่วงเสนานิคมมากที่สุด ก็ถือเป็นส่วนสำคัญหลักข้อหนึ่งที่ผู้ประกอบการแต่ละเจ้าเลือกทำเลนี้เพื่อตั้งโครงการเช่นกัน ซึ่งผมว่าในอนาคต ช่วงเสนานิคม น่าจะยังไปต่อได้แบบสวย ๆ อย่างแน่นอน

 

 

 

 

        ติดตามซีรีส์ "ติดดอยส่องทำเล : โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย" สถานีอื่น ๆ ได้เลยที่