หลายคนน่าจะได้ดูพิธีเปิดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกปารีสที่ผ่านมากันใช่ไหมครับ

        ผมว่า 'พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์' กลายเป็น'นักแสดง' หลักของโชว์เปิดครั้งนี้เลยก็ว่าได้

        ซึ่งการแสดงในพิธีเปิดครั้งนั้น เรียกได้ว่าบอกเล่าความเป็น 'ฝรั่งเศส' สู่สายตาโลก ซึ่งเราเองก็มีอารมณ์ร่วมกันแทบทั้งโลกนะ เพราะใครกันล่ะจะไม่รู้เรื่องการปฏิวัติฝรั่งเศส หรือแม้แต่พระนางมารี อ็องตัวแน็ต5555

        ทำให้ผมฉุกคิดได้ว่าถ้ามองมุมกลับ ประเทศไทยอยากเล่าความเป็นไทยแบบที่ฝรั่งเศสทำบ้าง เราจะไปทำที่พิพิธภัณฑ์ไหนล่ะ 

        อีกอย่างที่ผมคิดได้ก็คือว่า หลายๆ ประเทศฝั่งตะวันตกและอเมริกานี่เค้ามีพิพิธภัณฑ์ดังๆ เยอะมากเลยนะ อย่างถ้านิวยอร์ก็จะเป็น Museum of Modern หรือ Moma อย่างลอนดอนก็มี British Museum ประมาณนี้

        แล้วประเทศไทยล่ะ เราจะนึกถึงอะไร?

        ไปๆ มาๆ นี่ผมนั่งคิดเป็นเรื่องเป็นราวมากเลยนะ แล้วก็มานึกถึง 'พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร' หรือ Bangkok National Museum นี่แหละ ที่ผมมองว่าที่นี่คงเป็นที่ที่มีศักยภาพในการเล่าเรื่องของประเทศไทยมากที่สุดแห่งหนึ่ง

 

 

        หลายคนอาจจะมองข้าม หลายคนอาจจะไม่เคยไป หรือาจจะเคยไปเมื่อนานมาแล้วเพราะครูพาไปทัศนศึกษาตอนเด็กๆ แต่อยากบอกว่า ที่แห่งนี้เป็นอีกที่หนึ่งที่เราไม่ควรพลาดจะมาสักครั้งในชีวิตเลยครับ

        'พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร' หรือที่บางคนเรียกกันว่าวังหน้า ตั้งอยู่ข้างๆ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ฝั่งประตูออกถนนหน้าพระลาน ตรงข้ามสนามหลวง 

        ภายในพิพิธภัณฑ์ประกอบด้วยหมู่พระที่นั่งต่างๆ ได้แก่ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พระตำหนักแดง พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย หมู่พระวิมาน พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ เก๋งนุกิจราชบริหาร หออนุสรณ์เจ้าพระยายมราช อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ อาคารมหาสุรสิงหนาท พระที่นั่งมังคลาภิเษก และโรงราชรถที่ใช่ในพระราชพิธี

        ที่นี่เดิมทีเค้าเป็น “พระราชวังบวรสถานมงคล” หรือ “วังหน้า” โดยได้ปรับเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑสถานภายหลังเมื่อ “กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ” ทิวงคต ทำให้สถานที่ในพระราชวังบวรสถานมงคลว่างลง  รัชกาลที่ 5 จึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ย้าย “มิวเซียม” ณ ศาลาสหทัยสมาคม หรือ “หอคองคอเดีย” ในพระบรมมหาราชวัง ไปจัดแสดงที่พระราชวังบวรสถานมงคลเฉพาะด้านหน้า 3 องค์ เรียกว่า “พิพิธภัณฑ์วังหน้า” 

        ในปี พ.ศ. 2469 รัชกาลที่7 โปรดเกล้าฯ พระราชทานหมู่พระวิมานในพระราชวังบวรสถานมงคลทั้งหมดให้เป็นพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร และได้เปลี่ยนชื่อเป็น “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพพระนคร” เมื่อปี พ.ศ.2477 

        จนปัจจุบัน พิพิธภัณฑสภานแห่งชาติพระนคร เป็นแหล่งรวบรวมโบราณวัตถุที่สะท้อนถึงความเจริญรุ่งเรืองของชาติ มีมรดกทางศิลปวัฒนธรรมที่มีคุณค่า ควรแก่ความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาของบรรพชนที่รังสรรค์งานศิลปกรรมที่งดงามนั่นเอง

 

 

        ที่ผมจั่วหัวว่าวันเดียวเที่ยวไม่หมด เพราะแต่ละพระที่นั่ง มีหลักฐานทางโบราณคดี วัตถุโบราณ ศิลปะต่างๆ เยอะมากๆ 

        'อาคารมหาสุรสิงหนาท' เป็นหนึ่งในอาคารที่ผมชอบมากที่สุด เพราะที่นี่เค้าจะมีนิทรรศการประวัติศาสตร์ทางโบราณคดีตั้งแต่ก่อนพุทธศควรรษที่ 18 โน่นเลยนะครับ ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสต์ที่เราท่องๆ อย่างยุคสำริดนี่มีการขุดพบเครื่องมือเครื่องใช้ที่เจอในประเทศไทยมาจัดแสดงที่อาคารแห่งนี้ด้วย 

        รวมถึงศิลปะ สมัยทวารวดี สมัยลพบุรี สมัยศรีวิชัย อ้อ ช่วงนี้พระเอกประจำอาคารคงนีไม่พ้น "Golden Boy" และ "ประติมากรรมสำริดเทวสตรี" ที่อเมริกาเพิ่งส่งคืนให้กับประเทศไทยเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี่เอง

 

 

 

        'อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์' ยังเป็นอีกหนึ่งอาคารโปรดของผมเช่นกันครับ ที่นี่จะมีนิทรรศการประวัติศาสตร์โบราณคดีหลังพุทธศตวรรษ 18 ตั้งแต่สมัยล้านนา สมัยสุโขทัย สมัยอยุธยา สมัยธนบุรี (ยุคต้นรัตนโกสินทร์) และรัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ นั่นเอง

        จริงๆ นอกจากพวกอาคาร พระที่นั่งแล้ว พระตำหนักแต่ละแห่งก็ไม่น่าพลาดครับ อย่างพระตำหนักแดงนี่ใครเคยดูละครบุพเพสันนิวาสนาจะได้ยินเรื่องตำราจินดามณี นี่เลยครับ มาดูของจริงกันได้ที่พระตำหนักแดงนี่แหละ

        นอกจากที่ผมหยิบยกมา ก็อย่างที่บอกครับ เค้ามีอาคารพระที่นั่งเยอะเลย แต่ละชั้นแต่ละชิ้น แค่หยุดอ่านแล้วมอง ก็ใช้เวลาร่วมน่าแล้วนะ ผมเชื่อว่าหลายคนทุกวันนี้ยังเก็ยอ่านไม่ทุกชิ้นเลย ถึงได้บอกว่ามาที่นี่วันเดียวเที่ยวไม่หมด

        วันหยุดใครไม่รู้จะไปไหน ลองนั่งรถไฟฟ้ามาลงสถานีสนามไชย จะเลือกลงต่อหรือนั่งวินก็ได้ครับ มาที่ 'พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร' แห่งนี้กันดู บอกเลยว่านอกจากสนุกแล้วยังได้ความรู้ไปแบบเต็มๆ เลยนะ

        ที่นี่เปิดวันพุธ - อาทิตย์ เวลา 08.30-16.00 น. (ปิดวันจันทร์-อังคาร) 

        ราคาค่าเข้าชม คนไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท

        ยกเว้นค่าเข้าชม : เด็ก / นักเรียน / นักศึกษา / ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป / พระสงฆ์ / สมาชิก ICOM ICOMOS (แสดงบัตร)

        แนะนำเที่ยวเสร็จเดินตัดสนามหลวงข้ามไปไหว้ศาลหลักเมือง แล้วนั่งเรือข้ามฟากไปวังหลัง หาของกินต่ออีกหน่อย บอกเลยว่าสนุกครับ 5555