ในช่วงนี้โลกออนไลน์ดูเหมือนจะกำลังตื่นเต้ลลล กับเรื่องราวของเศรษฐีพันล้านรายหนึ่ง ที่พลิกผันจากนักธุรกิจผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ไฟเบอร์กลาสรายแรกของทวีปเอเชียมาสู่พ่อค้าขายราดหน้าที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม คนเค้าก็สงสัยกันว่า เอ๊...ทำไมจู่ๆ คนรวยระดับนี้ถึงต้องมาขายราดหน้าล่ะเนี่ย
มาครับมา วันนี้หมีจะมาไล่เรียงสรุปความแบบไม่มึนงง ไม่ปวดหัว อ่านแล้วเข้าใจง่ายๆ ว่าเสี่ยราดหน้าพันล้านคนนี้มีที่มาที่ไปยังไง ทำไมจู่ๆ มาขายราดหน้า ยิ่งไปกว่านั้น! หมีจะพาไปกินราดหน้าเสี่ยกันว่ามันดีมันเจ๋งยังไง ซึ่งงานครั้งนี้แลกมาด้วยหยาดเหงื่อของหมีเพื่อให้คุณผู้อ่านได้สัมผัสกันอย่างจริงจัง แต่ก่อนหน้านั้นเรามาทำความรู้จักกับ "เสี่ยสมชาย" กันก่อนดีกว่าคร้าบบบ
เสี่ยสมชาย เจ้าของ “สตาร์มาร์ค”
เสี่ยสมชาย หรือ นายสมชาย ศรีสกุลภิญโญ เป็นบุตรคนที่ 3 ของนายเอ็กจือ แซ่เตีย และนางบ๊วย ศรีสกุลภิญโญ จากจำนวนพี่น้องทั้งหมด 8 คน ธุรกิจทางบ้านเดิมทีเป็นการขายเฟอร์นิเจอร์เล็กๆ ของพ่อ จนในปี 2520 เสี่ยสมชายตัดสินใจเปิดร้านเองในนาม “หกจ.เพชรเกษมเครื่องเรือน”
ผลงานสร้างชื่อของเค้าแน่นอนว่าต้องเป็นการเปิดตัวเครื่องครัวไฟเบอร์กลาสเมื่อปี 2525 ซึ่งนับว่าเป็นเจ้าแรกของประเทศและภูมิภาคเอเชีย ก่อนจะเปลี่ยนชื่อมาเป็น “บริษัท สตาร์มาร์ค แมนูแฟคเชอร์ริ่ง จำกัด” ซึ่งมีความอินเตอร์ขึ้นมาอีกเยอะเลยเชียว
ซึ่งเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ “สตาร์มาร์ค” เนี่ยในยุคนั้นสมัยนั้นก็นับว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ราคาไม่แพง ที่ใช้ในฉากถ่ายละครดังๆ หลายเรื่องในอดีต ทั้งบ้านทรายทอง จำเลยรัก ฯลฯ และเพราะผ่านหูผ่านตากันในละครทีวีนี่แหละเลยเกิดกลุ่มผู้บริโภคตามมาอีกเพียบ ลูกค้าเองก็แนะนำกันปากต่อปาก สินค้าแบรนด์นี้เลยขายดีเทน้ำเทท่า สุดท้ายก็กลายมาเป็นผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ที่มียอดขายสูงสุดในประเทศไทย
แต่ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอนจริงๆ เพราะสุดท้ายด้วยเรื่องของธุรกิจนี่แหละที่ถือเป็นส่วนหนึ่งให้เฮียเค้าต้องมาขายราดหน้าอย่างทุกวันนี้
ศึกสายเลือด
"ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร" คำนี้คงไม่ผิดนักถ้าจะใช้มาบรรยายถึงชีวิตของเสี่ยสมชายตอนนี้ ถ้าใครติดตามมาบ้างน่าจะพอรู้ข่าวที่ว่าเสี่ยแกเดินหน้าฟ้องร้องพี่น้องของตัวเองในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง โดยน้องๆ และพรรคพวกเนี่ยได้หลอกลวงเอาหุ้นบริษัทที่คุณเสี่ยสมชายแกก่อตั้งมานาน 40 ปีไปเสียอย่างนั้น พล็อตละครหลังข่าวแต่มันดันเกิดขึ้นจริงอ่ะดิคร้าบบบ
เรื่องของเรื่องอยู่ที่ว่าพี่น้องหักเหลี่ยมโหดในครั้งนี้ได้ร่วมกันโอนหุ้นไปให้คนนอกถือครองแทน ทำให้เสี่ยสมชายที่เป็นเจ้าของบริษัทขาดจากการเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ภรรยาและลูกเมียถูกไล่ออกจากบริษัท สุดท้ายเสี่ยแกเลยต้องดำเนินการฟ้องร้อง ซึ่งตอนนี้เรื่องก็อยู่ในกระบวนการศาลอยู่ หมีก็ไม่รู้ว่ามันจะจบแบบไหน ยังไงเราก็ต้องมารอดูกันอีกที
ทีนี้... นับตั้งแต่ทำเรื่องฟ้องร้องก็ผ่านมาได้สองปี ในสองปีนี้เงินทองของเสี่ยสมชายก็เริ่มร่อยหรอ แน่นอนว่าหมดไปกับค่าคดีความ ลูกสาวคนเล็กยังเรียนไม่จบ แม่ก็ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ ทุกคนในครอบครัวต่างก็ได้รับผลกระทบ แต่แล้วเสี่ยสมชายแกก็คิดได้ว่า เอ๊ะ...ตัวเองชอบกินราดหน้านี่นา ความที่ชอบกินมาตั้งแต่เด็กแถมยังมีสูตรเฉพาะที่ฝึกทำมานาน เวลานี้ก็สมควรงัดสกิลลับออกมาใช้กันหน่อยหรือเปล่า
ราดหน้าเอ็กจือ... ให้บริการระดับเหลา
เพราะคิดจะใช้ราดหน้ามาพลิกชีวิตนี่แหละ เสี่ยสมชายเลยหันมาจับตะหลิว เปิดร้านราดหน้าเล็กๆ กลมกลืนไปกับร้านค้าทั้งหลายในโซน 4 ของตลาดน้ำคลอดลัดมะยม ซึ่งไหนๆ เราก็ทำเรื่องของเสี่ยสู้ชีวิตคนนี้แล้ว เราก็ควรจะไปชิมราดหน้าเขาสักหน่อย จากนั้นหมีก็ใช้เวลาในวันเสาร์นี่แหละไปตะลุยหาร้านราดหน้ากันเลย!
ต้องบอกก่อนว่าเรื่องราวของเสี่ยสมชายแกดังมาได้ร่วมอาทิตย์แล้ว แต่เพราะตลาดน้ำคลองลัดมะยมนี้เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ หมีเลยต้องนั่งรอนอนรอให้ถึงวันเสาร์ ถึงจะมีโอกาสได้ไปแชะภาพไปชิมราดหน้าแล้วมาเขียนๆๆๆ ให้ชาวดอยได้อ่านกัน ดังนั้นช้าไปบ้างก็อย่าบ่นเลยนะขอรับ เพราะหมีเองก็ใช่จะไปบ้านเสี่ยแกแล้วขอให้เขาผัดราดหน้าให้กินได้ซะเมื่อไหร่ ก็ต้องรอไปช่วงวันหยุดเอานี่แหละ 5555
มาพูดถึงการตามล่าหาร้านราดหน้าเสี่ยพันล้านกันบ้างดีกว่า หมีได้ยินมาว่าร้านราดหน้าของเสี่ยสมชายชื่อว่า "ราดหน้าเอ็กจือ" หมีเลยมาที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม เก็งเวลาไว้ให้ถึงช่วงเที่ยงๆ พอให้ท้องหิวพอดี ถึงแล้วก็เดินเข้ามาในโซน 4 ซึ่งเป็นโซนของกินแล้วก็เดินหากันเลยจ้า
แต่...แต่ว่า! ไหนบอกว่ากลมกลืนไงล่ะ ความจริงแล้วไม่กลมกลืนเลยนะ เพราะแม้ร้านจะอยู่ส่วนในของตลาดอยู่บ้างแต่เด่นเป็นสง่ามาก เห็นได้จากแถวยาวๆ นั่นเลย!
หากคนที่ไม่เคยไปตลาดน้ำคลอดลัดมะยม ลองนึกภาพตลาดสดที่เราเดินตามหลังแม่เพื่อถือของให้สมัยเด็กๆ ก็ได้ มันใกล้เคียงกับแบบนั้นเลยคือมีพื้นที่ขายของของแต่ละร้านติดๆ กัน แล้วทางเดินก็จะแคบๆ ดังนั้นพอเห็นว่าร้านราดหน้าเสี่ยพันล้านแกมีคนเบียดเสียดคนต่อคิวคนถ่ายภาพแล้วก็เซลฟี่กันแล้วเนี่ย...ด้วยความสัตย์จริงครับ หมีจะเป็นลม
แต่ว่าเพื่อทุกคน...เพื่อลากสังขารกลับมาทำคอนเทนต์ให้ทุกคนได้อ่านกัน หมีจึงจำต้องพลีชีพ!
ชวนชิม...กินราดหน้า
หลังจากจดๆ จ้องๆ อยู่นาน สุดท้ายหมีก็เริ่มต้นด้วยการเดินไปต่อแถว จากนั้นมหกรรมเบียดเสียดก็เกิดขึ้น บรรยากาศวุ่นวายมากเพราะพื้นที่ค่อนข้างแคบ คนจะกินก็ต่อแถว คนจะถ่ายรูปก็จะถ่าย หมีก็ยืนตัวลีบๆ หันรีหันขวางมองว่าเอ๊...ต้องทำอะไรต่อบ้างนะ
ที่มึนงงไปพักหนึ่งก็เพราะวันเสาร์ที่ผ่านมาเนี่ย ทางร้านเค้ายังใช้ระบบธรรมดาอยู่ คือมีใบเมนูให้เราเขียนว่าเราจะกินอะไรบ้าง จากนั้นก็รอคิวยาวๆ ไปจ้าาา แต่หมีได้ยินเค้าบอกว่าตั้งแต่อาทิตย์หน้า (หรือก็คือเสาร์ที่จะถึงนี้) เค้าจะเริ่มให้เป็นบัตรคิวแล้ว จะได้ไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายแบบนี้เนอะ
หมีดูรายการแล้วมีทั้งราดหน้าธรรมดา ราดหน้าเป๋าฮื้อ กระเพาะปลาชามยักษ์ ฯลฯ แต่ก็เลือกสั่งราดหน้ามาชิมกัน จากนั้นก็ได้ยินเสียงบอกว่า "รอประมาณหนึ่งชั่วโมงนะคะ ขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ" หมีก็ยิ้มแห้งๆ แต่พอมองคิวแล้วก็เข้าใจเลย เพราะมันเยอะมากกกกกก เห็นเสี่ยแกผัดๆๆ คนในครอบครัวแกก็ช่วยกันขาย แม้ภาพจะวุ่นวายไปหน่อยแต่ก็สุขใจดีที่เห็นครอบครัวไม่ทิ้งกัน
สั่งราดหน้าเสร็จหมีก็ทรานส์ฟอร์มเป็นนางรอ รอไปประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ในที่สุดก็ได้กิน หน้าตาถือว่าดีทีเดียวนะ ถ่ายรูปแชะสองแชะแล้วก็จัดการเลย แต่เพราะว่าหิวเกินไปรู้ตัวอีกทีก็คือหมดชามแล้ว ไม่มีรูปใดๆ เพิ่มเติม เอารูปชามเปล่าไปดูแล้วกัน กระซิกๆ
ชิมเสร็จแล้วขอรีวิวแล้วกัน พูดกันเฉพาะตัวราดหน้าไม่เอาปัจจัยอื่นมาเกี่ยวนะ ตัวราดหน้าเนี่ยแบบธรรมดาราคา 60 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับปริมาณแล้วถือว่าน้อยอยู่ ตัวน้ำราดหน้าข้นดีมากๆ ได้ยินมาว่าเป็นสูตรเฉพาะของเสี่ยเค้า แต่หมีรู้สึกว่ามันเย็นเร็วไปหน่อย ยังแปลกใจอยู่เหมือนกันเพราะตอนรับชามมามันร้อนลวกมือมากๆ แทบจะวิ่งกลับโต๊ะไปวางเลย แต่สักพักหนึ่งก็เย็นหมดละ ไม่รู้เป็นเพราะอะไรเหมือนกัน
ส่วนตัวชอบผักมากกก เป็นผักยอดอ่อนเคี้ยวอร่อยกรุบๆ เส้นก็ดีนะ และอย่างที่บอกว่าน้ำข้นมาก ใครชอบราดหน้าน้ำข้นๆ น่าจะยิ่งชอบ
ท้ายนี้ใครสนใจจะไปชิมไปดูความคึกคักของร้านราดหน้าเอ็กจือก็ไปกันได้ที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม เปิดให้บริการเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. - 16.00 น. จ้า
ขอบคุณข้อมูลประกอบจาก